จากกรณี นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ส่งหนังสือด่วนถึง "มหาเถรสมาคม" (มส.) ร้องเรียนให้เอาผิด "อดีตพระยันตระ" หรือ "พระยันตระ" พร้อมพระสงฆ์ที่แห่กราบพระยันตระ
โดยวันนี้ 22 ตุลาคม 2564 มีรายงานว่านาย ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า วันนี้สมาคมฯได้ทำหนังสือด่วนร้องเรียนไปยัง "มหาเถรสมาคม" (มส.) ผ่านสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ให้ดำเนินการเอาผิดพระยันตระ ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.208 ประกอบ พ.ร.บ.คณะสงฆ์ 2505 ม.29
โดยกล่าวว่าหลักฐานสำคัญในกรณีดังกล่าวคือ "อดีตพระยันตระ" ได้ให้สัมภาษณ์กับรายการข่าวช่องดัง ถึงภาพที่ปรากฏออกมา โดยยืนยันว่าตนเองยังเป็นพระและนักบวชอยู่ มีแต่รูปแบบภายนอกเท่านั้นที่เปลี่ยนไป ยังใช้นมัสการเหมือนเดิม ซึ่งเป็นการยืนยันด้วยตนเองต่อสาธารณะว่า ตนยังเป็นพระอยู่ ทั้ง ๆ ที่ อดีตพระยันตระ ได้พ้นจากความเป็นพระไปนานแล้ว และห้ามบวชเข้ามาเป็นพระอีก เพราะต้องสิขาบทปราชิก เพราะเสพเมถุน อีกทั้งได้หลบหนีคดีอาญาไปอยู่ต่างประเทศจนหมดอายุความ เป็นที่ครหาของชาวพุทธทั่วไป
- ศบค. ประกาศ ยกเลิกเคอร์ฟิว 17 จังหวัดสีฟ้า ไขข้อสงสัยเรื่องเปิดสถานบันเทิง
- ประกาศคำสั่ง จังหวัดที่ห้าม ธนาคารทุกแห่ง ให้บริการผู้ที่ไม่ฉีดวัคซีน
- โฆษกรัฐบาลยัน คนละครึ่งเฟส 4 ยังไม่มีการขอข้อมูล เตือนปชช. ระวังโดนหลอก
ดังนั้นการที่ "อดีตพระยันตระ" ยังยืนยันต่อสาธารณะว่ายังเป็นพระอยู่ และแต่งกายห่มจีวรสีเขียว อันมีลักษณะคล้ายพระในพุทธศาสนา เพียงแต่มิได้ปลงผมโกนเคราเท่านั้น พฤติการดังกล่าวเข้าองค์ประกอบความผิดตาม ปอ.208 โดยชัดเจนที่ว่า "ผู้ใดแต่งกายหรือใช้เครื่องหมายที่แสดงว่าเป็นภิกษุ สามเณร นักพรต หรือนักบวชในศาสนาโดยมิชอบ เพื่อให้บุคคลอื่นเชื่อว่าตนเป็นบุคคลเช่นว่านั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี" ซึ่งถือว่าเป็นกฎหมายเพื่อจัดการพวกอลัชชีทั้งหลายที่ชอบเสพเมถุน มิให้สร้างความแปดเปื้อนในบวรพุทธศาสนาได้ เฉกเช่นในอดีตที่เราเคยใช้กฎหมายตราสามดวงในพระไอยการลักษณะผัวเมีย บทที่ 40 และ 41 นั่นเอง
เพื่อมิให้สังคมพุทธศานาของไทยถูกกระทำโดยบุคคลนอกรีตอีกต่อไป "สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย" จึงทำหนังสือร้องเรียนไปยัง "มหาเถรสมาคม" ผ่านสำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ ให้ดำเนินการเอาผิดกับบุคคลที่แอบอ้างเป็นพระเสียโดยเร็ว ก่อนที่จะกลับอเมริกา 27 ตุลาคมนี้ และขอให้กำหนดมาตรการหรือออกมติมหาเถรสมาคมเพื่อจัดการพระภิกษุทั้งหลายที่ลดตัวเองไปกราบไหว้พวกอลัชชีดังกล่าวด้วย
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Tnews