ปูติน ปิดภาคธุรกิจทั่วรัสเซีย หลังป่วย - ดับจากโควิดพุ่งไม่หยุด

เรียกได้ว่าสร้างความเสียหายให้กับทั่วโลกอย่างต่อเนื่องกับการระบาดของโรคโควิด 19 ที่ยังระบาดหนัก ทว่าบางประเทศก็ได้วัคซีนดีๆ เข้ามาช่วยเหลือ จนทำให้เปิดประเทศได้แล้ว แต่บางประเทศถึงแม้จะมีวัคซีนดีๆ ใช้แต่ก็ยังเข้มงวดในเรื่องของการให้นักท่องเที่ยวเข้า - ออกประเทศ 

เกี่ยวกับเรื่องนี้มีรายงานว่า วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ได้อนุมัติข้อเสนอของรัฐบาลรัสเซียในการสั่งปิดสถานที่ทำการของภาคธุรกิจทั่วประเทศเป็นเวลา 1 สัปดาห์ เพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจากโควิดในประเทศ

ตามรายงานระบุว่า คำสั่งดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 30 ตุลาคม 2564 จนถึงวันที่ 7 พฤศจิกายน 2564 แต่บรรดาพนักงานจะยังคงได้รับเงินเดือนในช่วงที่มีการปิดธุรกิจดังกล่าว ขณะที่ผู้นำรัสเซียระบุว่า คำสั่งดังกล่าวอาจมีผลบังคับใช้ก่อนวันที่ 30 ต.ค. และอาจมีการขยายเวลาออกไปเกินวันที่ 7 พ.ย. สำหรับในบางภูมิภาค

นอกจากนี้ สำนักนายกเทศมนตรีกรุงมอสโก ที่เพิ่งออกแถลงการณ์ไม่นานมานี้ โดยมีคำสั่งให้ประชาชนที่มีอายุเกินกว่า 60 ปี และยังไม่ได้ฉีดวัคซีนต้านโควิดให้อยู่แต่ในบ้านเป็นเวลา 4 เดือน ขณะที่ภาคเอกชนจะต้องให้พนักงานอย่างน้อย 30% ทำงานที่บ้าน หลังจากที่จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดและผู้เสียชีวิตพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องในรัสเซีย โดยคำสั่งดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 25 ต.ค.นี้

- ไรเดอร์คนแก่ กลุ้มหนัก เจอลูกค้าสั่งอาหารแล้วเท โทรหา 30 ครั้ง ไม่รับสาย

- เผยรายชื่อ 63 โรงเรียน ในกรุงเทพฯ อนุญาตเปิดการเรียนการสอน

- โจรใจกล้าขโมยตู้เติมเงิน เอาเชือกผูกตู้ใช้รถกระบะลาก ไม่กลัวกล้องวงจรปิด

อีกทั้งยังมีคำสั่งให้ศูนย์การค้าต่างๆ เชื่อมต่อระบบของกล้องวงจรปิดเข้ากับระบบตรวจจับใบหน้าของกรุงมอสโก เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถบังคับใช้มาตรการสวมหน้ากากอนามัยสำหรับประชาชนในกรุงมอสโก ซึ่งหากศูนย์การค้าใดไม่ปฏิบัติตามก็อาจถูกสั่งปิดกิจการทันที

ด้านจำนวนผู้ติดเชื้อล่าสุดของรัสเซียอยู่ที่ 8,205,983 ราย โดยมีป่วยติดเชื้อเพิ่ม 37,678 ราย มีผู้เสียชีวิตสะสมอยุ่ที่ 229,528 ราย ซึ่งล่าสุดเสียชีวิตเพิ่มถึง 1,075 ราย

อย่างไรก็ตาม สำหรับจำนวนผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด เพิ่มขึ้น1,075 ราย ซึ่งเป็นจำนวนผู้เสียชีวิตสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่มีการแพร่ระบาดในปีที่แล้ว ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมมากกว่า 229,528 ราย ซึ่งเป็นอันดับ 5 ของโลกเช่นกัน

ขอขอบคุณข้อมูลจาก Tnews