จากกรณี ซินเเสเข่ง หรือนายชนม์ทรรศน์ ฤทัยผ่อง ผู้อำนวยการสถาบันโหราศาสตร์พยากรณ์แห่งประเทศไทย ผ่าดวง "อุ๊งอิ๊ง" แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวคนเล็ก ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เพิ่งเปิดตัวนั่งเก้าอี้ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมของพรรคเพื่อไทย มาสดๆร้อนๆในงานประชุมใหญ่พรรคเพื่อไทย ประจำวันที่ 28 ต.ค.64
ซินแสเข่ง วิเคราะห์ในดวงชะตา อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร นั้นเป็นบุคคลที่ไม่ยอมคน เป็นคนดวงแข็ง เป็นคนที่รักครอบครัว ห่วงใยครอบครัว เรียนรู้อะไรได้เร็ว เป็นคนที่มี 2 อารมณ์อยู่ในตนเอง มีดวงงานราชการเข้ามาเกี่ยวข้อง เป็นบุคคลที่มีความเป็นผู้นำ เป็นผู้หญิงแกร่ง มีเล่นการเมืองมีโอกาสประสบความสำเร็จ แต่ต้องระวังเรื่องความแตกแยก หากบิดา(ทักษิณ ชินวัตร) ไม่ยุ่งเกี่ยว จะก่อให้เกิดความสับสนลังเลไม่มั่นใจให้พรรคเดินหน้า ที่ลูกสาวมีโอกาสประสบความสำเร็จสูง
- เจ้าหน้าที่ตำรวจ บุกโกดังสินค้าย่านบางพลี เจอของกลางเพียบ
- กำนันกลัวเข็มหนัก เจอเมียจัดเซอร์ไพรส์ ร้องลั่นบ้าน
- ออกประกาศ ห้ามกิจกรรมรวมกลุ่มเกิน 100 คน มีผลทั้งจังหวัด ยกเว้น 4 อำเภอ
ทั้งนี้ภายในงาน ประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2564 ของพรรคเพื่อไทย ที่ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ จังหวัดขอนแก่น "แพทองธาร ชินวัตร" ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขอบคุณหัวหน้าพรรคและผู้บริหารพรรคที่ได้มีการแต่งตั้งในครั้งนี้ โดยจะเป็นการเชื่อมต่อระหว่างรุ่นต่อรุ่นและความเข้าใจในแต่ละรุ่นให้มีความเข้าใจกันมากขึ้น ทั้งความคิด วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อมและการมีส่วนร่วมมีความสำคัญ มนุษย์ทุกคนที่อยู่ร่วมกันจะต้องมีความเข้าใจพื้นฐานทางความคิดของกันและกัน เราต้องพยายามเข้าใจรุ่นที่ไม่ใช่รุ่นเดียวกับเรา ความเข้าใจนี้จะทำให้เราอยู่ร่วมกันได้ด้วยความเข้าใจ และพรรคการเมืองที่เป็นตัวแทนของประชาชนจะต้องเป็นตัวแทนของคนทุกรุ่นทุกวัยด้วย
ทุกวันนี้เทคโนโลยีผ่านไปเร็วมาก มีนวัตกรรมต่างๆ มากมาย ในขณะที่เรานั่งอยู่ในที่นี้ นักวิทยาศาสตร์จากทุกมุมโลกกำลังคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ แต่คนไทยกำลังพลาดในสิ่งใหม่ๆ เหล่านั้นและเด็กรุ่นใหม่ยังรู้สึกว่าพลาดโอกาสในเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เข้ามา โดยพวกเขาไม่มีโอกาสไขว้คว้าเทคโนโลยีนั้นได้สักที
“ตัวดิฉันค่อนข้างโชคดีที่ได้ใกล้ชิดกับคุณพ่อ เพราะช่วงที่เกิดมาเป็นช่วงที่คุณพ่อประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานแล้วและมีเวลาให้มากกว่าพี่ๆ เมื่อท่านไปอยู่ต่างประเทศก็มีเวลาไปหาบ่อยๆ ทุกเดือนหรือแทบจะเดือนเว้นเดือน ไปทุกครั้งก็ได้นั่งคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และได้รับรู้ความรู้สึกของคุณพ่อที่เป็นรุ่นเบบี้บูมเมอร์ แต่ท่านซึ่งสนใจเทคโนโลยีใหม่ ก็จะมีข้อมูลมาอัพเดทอยู่เสมอ หรือมีนักวิทยาศาสตร์เข้ามาคุยงานหรือธุรกิจ ก็ได้พูดถึงเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าไปมาก จึงรู้สึกว่าเสียดายที่คนไทยไม่มีโอกาสไขว้คว้าเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ เหล่านั้น จึงบอกกับตัวเองว่า ความรู้และโอกาสที่มีมานั้น อยากเข้ามามีส่วนร่วมกับพรรคเพื่อไทย เพื่อผลักดันคนรุ่นใหม่ให้มีโอกาส มีความหวังและทำฝันให้เป็นจริง”
จากที่ได้สัมผัสการเมืองมาตั้งแต่ 8 ขวบ ตั้งแต่พ่อเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ตั้งแต่เป็นหัวหน้าพรรคพลังธรรม และต่อมาก็ได้ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย ซึ่งมีโอกาสได้ติดตามลงพื้นที่ต่างจังหวัดและไปร่วมประชุมเอเปกในต่างประเทศ ตลอดเวลาแปลกใจและสงสัยว่า ทำไมท่านถึงทุ่มเททำงานโดยไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยหรือท้อแท้บ้าง แต่วันนี้เข้าใจแล้วว่าการไปพบและแก้ไขปัญหาช่วยพี่น้องประชาชนนั่นคือกำลังใจที่แท้จริงของท่าน
แม้ตนจะศึกษาจบจากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แต่ก็ได้เลือกเรียนต่อต่างประเทศด้านธุรกิจ เพราะไม่เคยคิดจะเป็นนักการเมือง เพียงแต่อยากให้คนรุ่นใหม่มีโอกาส เพราะภายใต้วิกฤต ทำให้เขาไม่รู้ว่าในอนาคตจะไปทางไหน จึงคิดว่าพรรคเพื่อไทยมีโอกาสเป็นพรรคการเมืองหลักและมีโอกาสเข้ามาแก้วิกฤตต่างๆ ของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตการเมือง วิกฤตสังคมและที่สำคัญคือวิกฤตทางโอกาสของคนรุ่นใหม่ จึงตอบรับเป็นที่ปรึกษาของพรรคเพื่อไทยในด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม และตั้งใจอยากใช้ประสบการณ์ที่มีเข้าร่วมกับพรรคเพื่อไทยเพื่อพัฒนาโอกาสคนรุ่นใหม่ ให้มีความหวัง มีความฝันและทำความฝันให้เป็นจริง
สิ่งที่ต้องปฏิรูปมี 3 เรื่องหลักๆ คือ
1. การปฏิรูปการศึกษา ที่ในปัจจุบันการบริหารจัดการยังด้อยกว่าประเทศอื่นๆ มาก เพราะการเข้าถึงเทคโนโลยียังน้อยมากๆ
2. การปฏิรูปเทคโนโลยีที่ต้องเข้าถึงให้ได้มากกว่านี้ เพราะเรื่องนี้อยู่ใกล้ตัวเรามากกว่าที่คิด ซึ่งคุณพ่อเคยบอกว่าเด็ก 10 ขวบจะต้องเรียนรู้การเขียนโปรแกรมได้แล้ว อีกทั้งเทคโนโลยีต่างๆ จะต้องรับรู้และเข้าถึง วันนี้คนไทยยังเข้าไม่ถึงอินเทอร์เน็ต ซึ่งเหตุการณ์การระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมาสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะการเรียนออนไลน์ซึ่งไม่มีความพร้อมและประชาชนจำนวนมากยังเข้าไม่ถึงอินเทอร์เน็ตและรัฐจะต้องลงทุนให้ประชาชนเข้าถึงมากกว่านี้
3. ต้องส่งเสริมซอฟต์เพาเวอร์อย่างจริงจัง เหมือนญี่ปุ่นหรือเกาหลี ที่ทำมานานแล้ว โดยสิ่งสำคัญที่จะต้องมีคือ เสรีภาพทางความคิด ดังนั้นผู้นำของประเทศจะต้องมีหัวใจประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ซึ่งซอฟต์เพาเวอร์ของคนรุ่นใหม่ จะมีทั้งเรื่องการกีฬา ออกแบบ การเขียนโปรแกรมต่างๆ ทั้งเกม บล็อกเชน บิตคอยน์ ที่จะต้องส่งเสริมให้ใช้ศักยภาพอย่างเต็มที่และสร้างกรอบความคิดความเข้าใจให้คนรุ่นใหม่รู้ว่าโลกทั้งใบคือโอกาสของเขา ถึงเวลาแล้วที่เราต้องก้าวไปข้างหน้า เพราะเทคโนโลยีก้าวเร็วกว่าเรามาก เรายังมีศักยภาพ มีคนรุ่นใหม่อีกมากที่ยังไม่มีโอกาสอย่างเต็มที่ เรามาช่วยกันผลักดันให้โอกาสเขากันเถอะเพราะเขาคืออนาคตของเราและเราต้องการให้ประเทศของเราเจริญก้าวหน้าต่อไป
“ขอขอบคุณผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทยทุกท่าน ดิฉันคิดว่าแนวคิดเหล่านี้จะพัฒนาให้พรรคเพื่อไทยกลายเป็นพรรคของประชาชนอย่างแท้จริง เป็นพรรคของประชาชนทุกรุ่น ทุกวัย ทุกฐานะทางสังคมและทุกภาคส่วน ไม่ว่าคนไทยจะคิดต่างกันอย่างไร เราทุกคนล้วนเป็นคนไทยด้วยกันและอยากเห็นประเทศของเราเจริญก้าวหน้าต่อไป ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้การสนับสนุน จะตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ในฐานะที่ปรึกษา แม้จะไม่ใช่นักการเมืองแต่ก็ขอมุ่งมั่นตั้งใจทำงานด้วยใจจริงในฐานะคนไทยคนหนึ่ง ในฐานะลูกของคุณพ่อที่ไม่เคยลืมบุญคุณแผ่นดินไทย ไม่เคยลืมพี่น้องคนไทยที่ไม่เคยลืมท่าน และท่านก็ปรารถนาอย่างมากที่จะได้กลับมากราบแผ่นดินไทยอีกครั้ง กลับมากราบผู้มีพระคุณ” ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Tnews