จากกรณีที่กลายเป็นเรื่องราวที่น่าทึ่ง เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา สำนักข่าวต่างประเทศอย่าง มิร์เรอร์ มีครอบครัวครอบครัวหนึ่งในประเทศอังกฤษรอดชีวิตจากอันตรายที่มองไม่เห็นด้วยฝีมือของลูกสาวซึ่งเป็นหัวกะทิในวิชาวิทยาศาสตร์ โดยเธอสังเกตเห็นว่าสร้อยเงินเปลี่ยนไป ก่อนจะพบว่าเป็นเพราะแก๊สไข่เน่า หรือ แก๊สไฮโดรเจนซัลไฟด์ ซึ่งเป็นแก๊สพิษ
โดยเธอเป็นนักศึกษาที่เก่งและสนใจในวิชาวิทยาศาสตร์และมักเรียนได้เกรด A ในวิชานี้มาโดยตลอด อยู่ๆวันหนึ่งเธอได้สังเกตเห็นความผิดปกติของสร้อยเงินเพราะอยู่ๆสร้อยเป็นสีดำ และมีกลิ่นเหม็นเน่าในบ้านต่อเนื่องกันนาน 2 วัน เธอมั่นใจทันทีว่าสร้อยเส้นดังกล่าวทำปฏิกิริยาออกซิเดชั่นกับแก๊สพิษ
แต่ตอนแรกพ่อแม่ของเธอคือ เดวิด โทแมน และ จูเลีย โทแมน คิดว่าน่าจะเป็นกลิ่นจากท่อระบายน้ำมากกว่าจึงเรียกหน่วยงานสุขาภิบาลมาตรวจสอบท่อน้ำในบ้าน แต่ก็ไม่พบว่ามีท่ออุดตัน และกลิ่นเหม็นก็ยังคงอยู่และคละคลุ้งไปทั่ว ทั้งคู่จึงตัดสินใจโทรไปแจ้งเหตุฉุกเฉิน และเมื่อเจ้ามาตรวจสอบพบว่าแก๊สพิษดังกล่าวคือแก๊สไข่เน่า หรือ "แก๊สไฮโดรเจนซัลไฟด์"
- ย้อนคำพูด พ่ออดีตพระสุนิตร ปักใจเชื่อลูกถูกใส่ร้าย พร้อมเผยอาชีพก่อนบวช
- เจ้าอาวาส สุดช้ำ! เจ้าภาพเทงานกฐิน แบบกะทันหัน
- หมอนิติพัฒน์ เตือน ปลดกทม.เป็นพื้นที่สีฟ้า ระวังซูเปอร์สเปรดเดอร์
หลังจากนั้นคนทั้งบ้านจึงต้องอพยพออกมาเป็นการด่วนและเข้ารับการตรวจเลือดเพราะรับเอาแก๊สพิษอย่างสูงมาเป็นเวลานานกว่า 48 ชั่วโมง แต่โชคดีที่ผลเลือดของทั้งบ้านเป็นลบและไม่พบสารพิษปนเปื้อนในร่างกาย แต่เจ้าหน้าที่ก็ต้องทะความสะอาดและกำจัดแก๊สพิษทั้งหมดก่อน ก่อนที่ครอบครัวของ ลูซี นักศึกษาสาวรายนี้จะย้ายกลับเข้าไปอยู่อาศัยได้ และแก๊สไข่เน่านี้หากได้รับไปในปริมาณมากและเข้มข้นจะส่งผลอันตรายอย่างมาก
แก๊สไข่เน่ามีความเข้มข้นตั้งแต่ 10 หนึ่งส่วนในล้านส่วน (พีพีเอ็ม) จะทำให้รู้สึกระคายเคืองตา หายใจติดขัด ความเข้มข้น 65 พีพีเอ็มถือเป็นอันตรายต่อร่างกาย
ความเข้มข้นระดับ 100 พีพีเอ็ม จะทำให้ไอต่อเนื่อง หายใจติดขัด มีอาการมึนศีรษะ ความเข้มข้นระดับ 200 พีพีเอ็ม จะทำให้แสบตารุนแรง มึนงง หมดสติ และถ้ามีเข้มข้นสูงถึง 600 พีพีเอ็ม ผู้ที่สูดดมจะหมดสติหรือถึงขั้นเสียชีวิตได้
พ่อแม่ของลูซีเปิดใจเล่าว่า "ตอนนั้นเรารู้แล้วว่าแก๊สนี้อาจเป็นแก๊สพิษ เลยโทร.แจ้งหน่วยดับเพลิง พวกเขามาที่บ้านพร้อมรถดับเพลิง 2 คัน เจ้าหน้าที่ควบคุมพิษ และรถพยาบาลฉุกเฉินเพื่อตรวจระดับออกซิเจนในเลือดของพวกเรา รวมถึงวัดคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (อีซีจี) ด้วย"
ถือเป็นโชคดีของทั้งครอบครัวที่ลูซีสังเกตเห็นความผิดปกติได้เร็วและทันเวลา ไม่งั้นอาจเกิดเรื่องเศร้าขึ้นได้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Tnews