รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ออกมาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก โดย "หมอนิธิพัฒน์" ระบุ
เผยโฉมมาแล้วสำหรับมาตรการผ่อนคลายรองรับการท่องเที่ยว ที่
กทม.ประกาศออกมาเมื่อวานตาม https://www.prbangkok.com/th/covid/detail/19/6041 โดยให้มีผลในเดือนพฤศจิกายนก่อน จุดล่อแหลมที่น่าจะเรียกแขกได้มาก คงเป็นการให้ดื่มสุราและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ได้ เฉพาะในร้านที่ได้รับเครื่องหมาย SHA (ไม่ใช่ SHA+ เสียด้วย) แต่ได้ไม่เกินสามทุ่ม เช่นเดียวกับจุดล่อแหลมอีกอย่างที่ให้มีกิจกรรมรวมคนได้ไม่เกิน 1,000 คนหรือถ้ามากกว่านี้ต้องขออนุญาต ปัญหาอยู่ที่ว่าจะกำกับดูแลกันได้จริงแท้แค่ไหน ส่วนคุณภาพอากาศในสถานบริการต่างๆ ที่ใช้เครื่องปรับอากาศ ก็ยังไม่มีการกำหนดมาตรการที่เข้มงวดนอกเหนือจากจำกัดจำนวนคนเข้าไปใช้บริการ
ขณะนี้แม้ยอดผู้ป่วยรายใหม่ในกทม.จะลดต่ำกว่าพันมาหลายวันแล้ว แต่ยังมีผู้ป่วยอาการหนักตกค้างอยู่พอควร ฝ่ายที่รับผิดชอบน่าจะต้องประกาศให้สาธารณะทราบด้วยว่า จะทบทวนมาตรการที่ออกใหม่นี้เมื่อไร เช่นถ้าตัวเลขผู้ป่วยอาการหนักและ/หรือผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มขึ้นไปถึงแค่ไหน เพื่อที่ทุกฝ่ายจะได้มีจุดหมายร่วมกันในการจับตาเฝ้าระวังการระบาดของโรครอบใหม่
เมื่อวานซืนรับฟังข้อมูลสถานการณ์โควิด-19 ของจังหวัดชายแดนภาคใต้ แม้ว่าสัดส่วนเชื้อสายพันธุ์เดลตาในพื้นที่ส่วนล่างของประเทศจะขึ้นมาใกล้เคียงกับสายพันธุ์แอลฟาแล้ว แต่สัดส่วนผู้ป่วยหนักต่อผู้ป่วยทั้งหมดยังไม่เปลี่ยนแปลงคือไม่เกิน 5% ทั้งที่อัตราการฉีดวัคซีนยังต่ำอยู่ ทำให้ข้อสงสัยว่าเดลตาจะก่อโรครุนแรงกว่าแอลฟายังไม่เป็นจริง พอดีกับมีข้อมูลจากศูนย์ควบคุมโรคติดเชื้อของอเมริกาเผยแพร่ออกมาทาง https://www.cdc.gov/mmwr/volumes/70/wr/mm7043e1.htm... จึงช่วยตอกย้ำความเชื่อส่วนตัวที่ว่า การระบาดระลอกสี่ในบ้านเราที่ยังสยองขวัญอยู่ไม่คลายนั้น เดลตาเพียงแค่ทำให้ระบาดเร็วขึ้นแต่ไม่ได้รุนแรงขึ้น ที่เห็นเสียหายบาดเจ็บล้มตายกันมากมายนั้น น่าจะมาจากฝีมือการควบคุมโรคที่ไม่ทันการของฝ่ายนโยบายเสียมากกว่า
#เปิดและผ่อนคลายประเทศไม่ว่าแต่อย่าเหลิง