ความเห็นสั่งฟ้องอดีตผู้กำกับโจ้ และพวกรวม 7 นาย กรณีทรมานผู้ต้องหาใช้ถุงดำคลุมหัวจนเสียชีวิต 4 ข้อหาหลัก ส่วนคดีเกี่ยวกับการครอบครองรถหรูคืบหน้าไปแล้วกว่า ร้อยละ 80 ซึ่งพบข้อพิรุธจำนวนมาก ในประเด็นการนำเข้ารถหรูและการเบิกสินบนนำจับ
วันที่ 2 พฤศจิกายน 2564 มีรายงานว่าพลตำรวจเอกสุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะคณะหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีพันตำรวจเอกธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ อดีตผู้กำกับโจ้ และพวก ร่วมกันซ้อมทรมานใช้ถุงดำคลุมหัวผู้ต้องหาจนเสียชีวิต ที่จังหวัดนครสวรรค์ เปิดเผยว่า หลังคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน สอบพยานไปแล้ว 35 ปาก
ล่าสุด สามารถสรุปสำนวนคดีและมีความเห็นสมควรสั่งฟ้อง พันตำรวจเอกธิติวรรค์ และพวก ซึ่งเป็นตำรวจ รวม 7 นาย ในความผิด 4 ข้อหาหลัก ฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ, เป็นเจ้าพนักงานของรัฐ ร่วมกันปฎิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบ, ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย และ ร่วมกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไป ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดหรือไม่กระทำการใด โดยใช้กำลังประทุษร้าย และจะส่งสำนวนให้อธิบดีอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต ช่วงบ่ายวันพรุ่งนี้ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ส่วนคดีเกี่ยวกับการครอบครองรถหรูที่อดีตผู้กำกับโจ้ เข้าไปดำเนินการจับกุมกว่า 410 คัน ขณะนี้ พนักงานสืบสวนสอบสวน ตรวจสอบความคืบหน้าไปแล้วกว่า ร้อยละ 80 ซึ่งพบข้อพิรุธจำนวนมาก ในประเด็นการนำเข้ารถหรู และการเบิกสินบนนำจับ รวมถึง ขยายผลการครอบครองทรัพย์สิน ทั้งบ้าน รถยนต์หรู 24 คัน ปืน รวมมูลค่ากว่า 131 ล้านบาท
และพบหนี้สินประมาณ 76 ล้านบาท โดยยังอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม ส่วนจะมีการยึดอายัดทรัพย์สินหรือไม่ ต้องพิจารณาว่า เข้าข่ายความผิดฐานฟอกเงินหรือไม่ โดยส่วนนี้ ยังต้องรอการตรวจสอบเอกสารร่วมกับหน่วยงานอื่น ๆ ทั้งกรมศุลกากร กรมการขนส่งทางบก อีกระยะหนึ่ง แต่ยอมรับว่า ช่วงหลัง อดีตผู้กำกับโจ้ ที่ถูกคุมขังในเรือนจำ ไม่ค่อยให้ความร่วมมือ ทำให้การตรวจสอบทรัพย์สิน ทำได้อย่างล่าช้า จึงต้องมีการหารือร่วมกับกรมราชทัณฑ์เพิ่มเติม
ส่วนการอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาโทษทางวินัยอดีตผู้กำกับโจ้ พลตำรวจเอกสุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุว่า อยู่ระหว่างการพิจารณาว่า ถึงขั้นไล่ออก หรือ ปลดออก