จากกรณีเกิดเหตุไฟไหม้ห้องเอ็กซเรย์ของโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะเมื่อเช้าวันที่ 12 พ.ย. 2564 เวลาประมาณ 06.40-07.30น. ทำให้ประชาชน คนไข้ ญาติผู้ป่วย เจ้าหน้าที่พยาบาลวิ่งหนีเอาชีวิตรอดเนื่องจากเกิดกลุ่มควันดำลอยโขมง และต้องช่วยกันเคลื่อนย้ายผู้ป่วยเพื่อความปลอดภัย ล่าสุด พลตรี เหรียญทอง แน่นหนา ผอ.รพ.มงกุฎวัฒนะ ได้ออกมาโพสต์ข้อความถึงเหตุไฟไหม้ที่เกิดขึ้น ระบุ
แถลงการณ์เหตุเพลิงไหม้ รพ.มงกุฎวัฒนะ เมื่อเช้าวันนี้ที่ 12 พ.ย.64 เวลา 6.40 น.- 7.30 น. ได้เกิดเหตุเครื่องเอ็กซเรย์แบบพกพาเคลื่อนที่ [Portable X-Ray machine] เกิดไฟลุกไหม้ขณะชาร์จแบตเตอรี่แล้วลุกลามไปยังเครื่องเอ็กซเรย์แบบพกพาเคลื่อนที่จากเครื่องที่ 1 ไปเครื่องที่ 2 อย่างรวดเร็ว
ถึงแม้พนักงานรังสีเทคนิคจะเข้าทำการดับเพลิงทันทีแต่ก็ไม่สามารถควบคุมได้ โชคดีที่ห้องชาร์จไฟเป็นห้องที่ไม่มีวัสดุติดไฟ และแผนกเอ็กซเรย์นี้ได้ถูกปิดแผนกโดยยกเลิกการใช้งานไปเมื่อคืนวันที่ 11 พ.ย.64 ที่ผ่านมานี้เอง เนื่องจาก รพ.มงกุฎวัฒนะได้เปิดศูนย์เอ็กซเรย์ใหม่ และได้ย้ายเครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆออกไปจากแผนกเอ็กซเรย์เก่าไปทั้งหมดตั้งแต่วันที่ 10 พ.ย.64 แล้ว จึงเหลือแต่เพียงสถานที่ซึ่งว่างเปล่า
รพ.มงกุฎวัฒนะมีเจ้าหน้าที่ดับเพลิงปฏิบัติงานเวรประจำ และทำการฝึกบุคลากรในสังกัดอย่างเป็นนิจ ดังนั้นเมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ เราจึงสามารถเคลื่อนย้ายผู้ป่วยจำนวนมากกว่า 250 เตียง พร้อมญาติ และบุคลากรในสังกัดจำนวนมากเกือบ 1,000 คนออกจากอาคาร รพ.มงกุฎวัฒนะสู่พื้นที่ปลอดภัยภายใน 15 นาที คงเหลือแต่สถานการณ์เพลิงไหม้ที่ไม่สามารถหยุดยั้งได้จนกระทั่ง "หน่วยดับเพลิง" ในสังกัดกรุงเทพมหานคร และหน่วยดับเพลิงต่างๆได้เข้ามาสมทบและปฏิบัติการอย่างรวดเร็วสัมฤทธิผล เป็นระบบ จนสามารถควบคุมเพลิงไหม้ที่ต้นเหตุและสงบลงได้อย่างรวดเร็วในเวลา 7.15 น.
ไม่มีผู้ใดเสียชีวิตหรือบาดเจ็บสาหัส มีเพียงพนักงานรักษาความสะอาด 1 รายที่หกล้มและบาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น อาคารสถานที่ที่เสียหายจากเพลิงไหม้ถูกจำกัดอยู่เพียงแค่ "ห้องชาร์จไฟ"เท่านั้น...ที่สำคัญเครื่องเอ็กซเรย์แบบพกพาเคลื่อนที่ [Portable X-Ray machine] ไม่มีสารกัมมันตภาพรังสีที่จะแพร่กระจายจนเป็นอันตรายแต่อย่างใด
- ทัวร์ลงยับ เพจดังโพสต์บอก "เป็นบุญแค่ไหน ที่ได้อยู่บ้านพักครู"
- เตือนกินไก่ไทย"เสี่ยงมะเร็ง"เพราะได้รับยา ล่าสุดตรวจสอบแล้ว
- "หมอธีระ"เผยมูลค่าที่ประเทศต้องเสียหลังยอดดับไทยเกือบสองหมื่นชีวิต
ขณะนี้ รพ.มงกุฎวัฒนะสามารถให้บริการทางการแพทย์ได้ดังเดิม ยกเว้นพื้นที่โดยรอบห้องชาร์จไฟ ณ ชั้น 1 ของอาคาร A เท่านั้นที่ยังต้องปิดพื้นที่และอยู่ในการพิสูจน์หลักฐานจาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เหตุเพลิงไหม้ถือเป็นมหัตภัยร้ายแรงต่อ รพ.ที่มีผู้ป่วยจำนวนมาก เหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้นับเป็นความโชคดีที่ รพ.มงกุฎวัฒนะได้รับการช่วยเหลือจาก "หน่วยดับเพลิง" ในสังกัดกรุงเทพมหานครและหน่วยต่างๆ ทั้งหน่วยรถพยาบาลจากศูนย์เอราวัณ - มูลนิธิป่อเต๊กตึ๊ง และอื่นๆ ทั้งได้รับการช่วยเหลือจากหน่วยทหารจิตอาสา 904 พระราชทาน จากกองพันทหารราบ มณฑลทหารบกที่ 11 ตลอดจนประชาชนจำนวนมากที่ห่วงใย และหน่วยหรือบุคคลอีกมากมายที่ผมไม่ได้เอ่ยนามถึงไว้ ณ ที่นี้
ถึงแม้คนอย่างผมจะมีสติในทุกสถานการณ์ เป็นนักสู้ ไม่เคยท้อถอยน้อยใจในโชคชะตา คงยืนหยัดสู้ไปใฝ่ประจัญ แต่เหตุการณ์เพลิงไหม้ครั้งนี้ ผมมีแต่พระเจ้าอยู่หัวฯทั้งรัชกาลที่ 9 และรัชกาลปัจจุบันที่สถิตอยู่ในใจเป็นที่พึ่งทางใจแห่งเดียวของผม ผมรำลึกว่า หากแม้นวันนี้ชีวิตข้าพระพุทธเจ้าจะประสบเคราะห์กรรมเลวร้ายจนต้องสิ้นเนื้อประดาตัว แต่ข้าพระพุทธเจ้าจะนำพาทุกชีวิตของผู้ป่วย ญาติ และบุคลากรในสังกัดของข้าพระพุทธเจ้าอันเป็นพสกนิกรของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทให้รอดชีวิตและปลอดภัยกลับสู่ครอบครัวอันเป็นที่รักของพวกเขาทุกคนให้จงได้ ...หลังจากนั้นเพียงแค่ครึ่งชั่วโมง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงก็รายงานให้ผมทราบว่า...เพลิงสงบแล้ว!
ผมในนามของผู้นำ รพ.มงกุฎวัฒนะขอกราบขอบพระคุณเจ้าหน้าที่ดับเพลิง และจิตอาสาจากทุกหน่วยงานจำนวนมากไว้ ณ ที่นี้ ผมไม่มีสิ่งใดที่จะตอบแทนท่านทั้งหลายได้ นอกจากผมขอตอบแทนด้วยการทำความดีต่อแผ่นดินนี้
จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบและขอขอบพระคุณทุกท่านไว้ ณ ที่นี้
ด้วยความเคารพอย่างสูง
พลตรี เหรียญทอง แน่นหนา ผอ.รพ.มงกุฎวัฒนะ 12 พ.ย.64 เวลา 11.53 น.
หมายเหตุ ขณะนี้ รพ.มงกุฎวัฒนะสามารถกลับเข้าสู่การปฏิบัติการรักษาพยาบาลได้เหมือนเดิม ยกเว้นพื้นที่โดยรอบแผนกเอ็กซเรย์เก่าที่ยังคงปิดเพื่อพิสูจน์หลักฐาน-ซ่อมแซม-ปรับปรุง ณ ชั้น 1 อาคาร เอ [A] เท่านั้น
ขอบคุณ เหรียญทอง แน่นหนา
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Tnews