ตามที่ได้มีการเผยข้อมูลการปล่อยสินเชื่อ เกี่ยวกับประเด็นเรื่อง ธ.ก.ส. ออกเงินกู้ก้อนใหญ่ผ่านไลน์ Smart Case Credit สามารถกู้เงินได้สูงสุด 50,000 บาท ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมได้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร กระทรวงการคลัง (ธ.ก.ส.) พบว่าประเด็นดังกล่าวนั้น เป็นข้อมูลเท็จ
กรณีการเผยแพร่ข้อมูลสินเชื่อ ที่ระบุว่า ธ.ก.ส. ออกเงินกู้ก้อนใหญ่ผ่านไลน์ Smart Case Credit ช่วยเหลือประชาชนชน ให้กู้ยืมทุกอาชีพ 50,000 บาท ผ่อน 500 บาท/เดือนนั้น ทางธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ได้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวและชี้แจงข้อเท็จจริงว่า ธ.ก.ส. ไม่เคยใช้ line Smart Case Credit โดยไลน์อย่างเป็นทางการของธนาคารจะใช้ชื่อ BAAC Family ใช้ในการประชาสัมพันธ์ข่าวสารและลงทะเบียนในการขอรับสินเชื่อ แต่จะมีเจ้าหน้าที่ธนาคารติดต่อเพื่อทำสัญญากู้เงินต่อไป
ส่วนในเรื่องสินเชื่อข้างต้น พบว่าเป็นสินเชื่อชำระดีมี Smart Cash สำหรับลูกค้าผู้กู้สินเชื่อในโครงการแก้ไขหนี้นอกระบบมาก่อนแล้ว ที่ชำระหนี้ตรงตามระยะเวลาที่กำหนดและมีเหตุจำเป็นต้องใช้เงินฉุกเฉิน เพื่อป้องกันการก่อหนี้นอกระบบของลูกค้า โดยสนับสนุนเงินเครดิตหมุนเวียนผ่านบัตร ATM ตามต้นเงินกู้ที่ได้รับชำระหนี้ตามโครงการแก้ไขหนี้นอกระบบ สูงสุดรายละไม่เกิน 50,000 บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ MRR + (0 ถึง 3) ต่อปี (ปัจจุบัน MRR ร้อยละ 6.50 ต่อปี) ระยะเวลาชำระหนี้ไม่เกิน 12 เดือนนับจากวันกู้ อีกทั้งที่น่าสังเกตคือเนื้อหาข่าวมีความบิดเบือนเบอร์โทรศัพท์ติดต่อสอบถามที่ธนาคารใช้ คือ 02-555-0555 แต่ในข่าวใช้ 02-5551055
ดังนั้นขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข้อมูลดังกล่าว และขอความร่วมมือไม่ส่ง หรือแชร์ข้อมูลดังกล่าวต่อในช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ อีกทั้งขอให้ใช้ความระมัดระวังในการรับข้อมูลจากเพจที่ไม่ใช่เพจทางการของธนาคารต่างๆ และควรตรวจสอบข้อมูลที่ถูกต้องจากก่อนทุกครั้ง จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ติดตามข้อมูลได้ที่เว็บไซต์ www.baac.or.th หรือโทร. 02-555-0555
บทสรุปของเรื่องนี้คือ : ไลน์ Smart Case Credit และเบอร์ 02-555-1055 ไม่ใช่ช่องทางติดต่อธนาคาร ธ.ก.ส. โดยไลน์ทางการของธนาคารจะใช้ชื่อ BAAC Family ซึ่งใช้ในการประชาสัมพันธ์ข่าวสาร และลงทะเบียนในการขอรับสินเชื่อ และจะมีเจ้าหน้าที่ธนาคารติดต่อเพื่อทำสัญญากู้เงินต่อไป
หน่วยงานที่ตรวจสอบ : ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร กระทรวงการคลัง
ขอบคุณข้อมูลจาก Tnews