อัพเดตสถานการณ์โควิด-19 วันนี้ 25 พ.ย. 64 ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 6,335 ราย หายป่วย 7,218 ราย เสียชีวิต 37 ราย ทั้งนี้ถึงแม้ว่ายอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 จะลดลงจากแต่ก่อนมาก และมีการเปิดประเทศ สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ก็เปิดให้บริการกันแล้ว แต่ก็ยังคงประมาทไม่ได้ ประชาชนยังต้องระมัดระวังรักษามาตรการป้องกันโควิด เพราะในบางพื้นที่ก็ยังคงพบการติดเชื้อที่เป็นกลุ่มก้อน หรือมีคลัสเตอร์ใหม่เกิดขึ้น
โดยเมื่อวันที่ 24 พ.ย. 64 นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ ผู้กำกับการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินจังหวัดเชียงใหม่ ลงนามคำสั่งคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ โดยสั่งปิดสถานที่เสี่ยงอีกเพิ่มอีก 6 แห่ง เป็นระยะเวลา 14 วัน หลังพบการระบาดเป็นกลุ่มก้อน ซึ่งได้แก่
1. บ้านพักนักกีฬา VL Academy หมู่ที่ 7 ตำบลหนองผึ้ง อำเภอสารภี ตั้งแต่วันที่ 23 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 6 ธันวาคม 2564
2. หอพักมีบุญ หมู่ที่ 6 บ้านสันมะเกี๋ยง ตำบลสำราญราษฎร์ อำเภอดอยสะเก็ด ตั้งแต่วันที่ 23 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 6 ธันวาคม 2564
3. หอพักนายตั๋น สายแปง หมู่ที่ 3 ตำบลสันผักหวาน อำเภอหางดง ตั้งแต่วันที่ 18 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 1 ธันวาคม 2564
4. หอพักนางบุญศรี สืบสายแปง หมู่ที่ 3 ตำบลสันผักหวาน อำเภอหางดง ตั้งแต่วันที่ 22 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 5 ธันวาคม 2564
5. ที่พักคนงานของ นายสอน เทพปัญญา หมู่ที่ 8 ตำบลบ้านแหวน ตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 7 ธันวาคม 2564
6.บริษัท เชียงใหม่ริมดอย จำกัด หมู่ที่ 4 ตำบลหนองควาย อำเภอหางดง ตั้งแต่วันที่ 24 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 7 ธันวาคม 2564
ทั้งนี้ ให้ผู้สัมผัสเสี่ยงสูงทุกรายเข้ารับการตรวจคัดกรองหาเชื้อโควิด-19 หากผลตรวจเป็นลบให้กักตนเอง (Home Quarantine) เป็นเวลา 14 วัน ส่วนกลุ่มเสี่ยงต่ำให้คุมไว้สังเกตอาการ เป็นเวลา 14 วัน และปฏิบัติตามคำสั่งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อในพื้นที่อย่างเคร่งครัด พร้อมขอความร่วมมือให้ประชาชนในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ งดการเดินทางเข้าไปในพื้นที่เสี่ยงดังกล่าวโดยไม่มีเหตุจำเป็น เพื่อลดความเสี่ยงต่อการสัมผัสโรค พร้อมให้นายอำเภอแต่ละอำเภอ ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคอำเภอฯ กำกับและควบคุมการปฏิบัติให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย หากผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตาม ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท ตามมาตรา 51 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558
ขอบคุณข้อมูลจาก Tnews