จากกรณีผู้สื่อข่าวรายงาน วันที่ 30 พ.ย. 2564 นายทัชชัย สุทาบุญ อายุ 41 ปี อาชีพขับวินรถจักรยานยนต์รับจ้าง เปิดใจก่อนเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.บางขุนเทียน หลังปรากฎว่าเป็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์เฉี่ยวชนยายพร วัย 68 ปี ย่านซอยเอกชัย 22 เมื่อวันที่ 29 พ.ย.ได้รับบาดเจ็บสาหัส เป็นกังวลและกลัวถูกดำเนินคดี และขอยืนยันไม่ได้ตั้งใจแต่ถูกแท็กซี่ขับปาดหน้า วอนผู้รู้กฎหมายช่วยหาทางออก
โดยนายทัชชัยกล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น โดยวันเกิดเหตุขณะที่ตนเองขับรถเพื่อเดินทางกลับบ้านพักที่ซอยเอกชัย 8 ซึ่งระหว่างทางได้ขับชิดซ้ายมาตลอด แต่ได้มีแท็กซี่ปาดหน้ารถตนเองอย่างกะทันหัน ช่วงซอยเอกชัย 22 จึงทำให้ตนเองตัดสินใจหักหลบก่อนจะเสียหลักชนเข้ากับฟุตพาททางซ้ายสุด ทำให้รถและตนเองลื่นถะไหลไปเฉี่ยวชนยายพร พร้อมระบุว่า ขณะขับมาบริเวณดังกล่าวค่อยข้างมืดไม่สามารถมองเห็นว่ามีอะไรมากีดขวาง จึงทำให้ชนกับสิ่งที่กีดขวาง
หลังลุกขึ้นมาก็ได้ไปต่อว่าแท็กซี่ว่าอย่าหนีเพราะเป็นต้นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุ ระหว่างนั้นเห็นคนแก่นอนคว่ำหน้ากับฟุตพาทอยู่ จึงทำให้ทราบว่ามีการขับรถเฉี่ยวชนคนจึงขอให้พลเมืองดีเฝ้าอาการและติดต่อมูลนิธินำตัวไปรักษา แต่ระหว่างนั่นแท็กซี่ได้ขับรถหลบหนีไป ตนเองจึงขับตามแท็กซี่ไปแต่ก็ไม่ทัน ก่อนจะกลับมาที่เกิดเหตุและช่วยนำตัวยายพร ส่งโรงพยาบาล
นายทัชชัย กล่าวยอมรับว่ารู้สึกกังวลและกลัวที่จะต้องถูกดำเนินคดีทั้งๆที่เป็นเหตุการณ์ที่ไม่อยากให้เกิดขึ้น แม้ส่วนตัวไม่ได้บาดเจ็บมากนักแต่รู้สึกเป็นห่วงยายพรที่มีอาการบาดเจ็บสาหัส หลังจากทราบอาการจากแพทย์ที่รักษา รวมทั้งยังทราบอีกว่าในการรักษายายพร วงเงินประกัน พ.ร.บ.รถจักรยานยนต์ไม่เพียงพอต่อการรักษา โดยเรื่องนี้ตนเองต้องการปรึกษากับผู้รู้ด้านกฎหมายเพื่อหาทางออก เพราะตนเองเป็นเพียงประชาชนหาเช้ากินค่ำไม่ได้มีความรู้
ด้านพันตำรวจเอกวิศิษฐ์ สังขนันท์ ผู้กำกับการ สน. บางขุนเทียน ยอมรับว่าถนนเอกชัยโดยเฉพาะจุดเกิดเหตุแสงสว่างไม่เพียงพอ ซึ่งตอนนี้ อยู่ระหว่างการประสานงานเพื่อแก้ไขให้เรียบร้อย ส่วนในทางคดีเท่าที่ตรวจสอบหลักฐานเบื้องต้น รถจักรยานยนต์ ขับขี่มาในเลนปกติ แต่มีแท็กซี่เปลี่ยนเลนกะทันหันจึงเป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุดังกล่าว ซึ่งให้ฝ่ายสืบสวนเร่งติดตามตัวแท็กซี่คันก่อเหตุ มาสอบปากคำ ซึ่งน่าจะได้ตัวเร็วๆนี้ อาจจะเข้าข่ายความผิดประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บและทรัพย์สินเสียหายรวมทั้งหลบหนีไม่ให้การช่วยเหลือ หากพบความผิดอื่นๆก็จะแจ้งข้อหาภายหลัง
สำหรับค่ารักษาพยาบาลทราบว่าใช้ พ.ร.บ.ของรถจักรยานยนต์แต่ในระเบียบนั้นผู้บาดเจ็บยังสามารถใช้ พ.ร.บ.ของรถแท็กซี่ได้หากได้ตัวมาดำเนินคดีอีกทั้งยังมีเงินกองทุนยุติธรรมซึ่งผู้เสียหายสามารถใช้สิทธิ์ตรงนี้ได้
ทางด้าน พ.ต.อ.สิศิษฐ์ สังขนันท์ ผกก สน บางขุนเทียน ได้กล่าวว่า ทางตนได้รับรายงานแล้ว ซึ่งตามกระบวนการต้องรอสอบปากคำทุกฝ่ายให้ครบก่อน แต่จากการดูกล้องวงจรปิดก็ค่อนข้างมีความชัดเจนว่าว่าจักรยายนต์ขับมาในเลนซ้ายถูกต้อง แต่ทางรถแท็กซี่มรการเปลี่ยนจากเลนสอง เข้ามาเลนซ้ายสุด ซึ่งกล้องวงจรปิดก็สามารถจับภาพได้อย่างชัดเจนว่าแท็กซี่ขับรถโดยประมาท เป็นเหตุให้ได้รับอันตรายแก่กาย ส่วนจะสาหัสหรือไม่ ต้องรอผลจากทางโรงพยาบาล
ส่วนพฤติการณ์ที่เห็นในคลิปก็มีการหลบหนี ในส่วนนี้ก็ต้องมีการดำเนินคดีเหมือนกันโทษก็มีทั้งจำทั้งปรับ ส่วนการรักษายายผู้บาดเจ็บ ตอนนี้พ.ร.บ.ของ จักรยายนต์ไม่พอกับค่ารักษา อาจจะมีการประสานกองทุนยุติธรรมในการช่วยเหลือ ซึ่งหลังจากที่จับกุมแท็กซี่ได้ก็ค่อนมาไล่เรียงความผิดและค่าให้จ่ายที่ต้องชดใช้ตามกฎหมายได้
นายปัญญา ราชปรีชายุทธ อาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งที่เข้าช่วยเหลือในวันเกิดเหตุ เล่าว่า เมื่อคืนวันเกิดเหตุตนได้ปฏิบัติหน้าที่ประจำจุดอยู่บริเวณ หน้าศาลอาญาธนบุรี และได้รับแจ้งจากคนขับจักรยายนต์ว่าเกิดเหตุแท็กซี่เฉี่ยวรถจักรยายนต์ จนเสียหลังไปชนคนข้างทาง มีผู้บาดเจ็บเป็นคนสูงอายุ 1 ราย ซึ่งเมื่อไปตรวจสอบที่เกิดเหตุก็ไม่พบรถแท็กซี่ ส่วนคนเจ็บตรวจสอบกระดูกตามร่างกายไม่หัก ถาม-ตอบมีปฏิกิริยาตอบกลับ และสอบถามรายละเอียดไม่รู้เรื่อง มีเลือดไหลทางจมูก คาดว่าสมองได้รับการกระทบกระเทือน จึงเร่งนำตัวยายส่งโรงพยาบาลบางประกอก 8
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Tnews