จากกรณีที่ "ทนายตั้ม" หรือ ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ได้ประกาศถอนตัวช่วยทำคดีให้ "ลุงพล" พร้อม "ป้าแต๋น" จากคดีน้องชมพู่ โดยให้เหตุผลว่ามีความเห็นที่ไม่ตรงกัน หลังจากนั้นได้มีกระแสข่าวลือสะพัดว่า ลุงพลและป้าแต๋นกำลังติดต่อไปยังทนายความชื่อดัง อักษรย่อ อ. ให้มาช่วยทำคดี
ข่าวล่าสุด นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายความชื่อดัง เปิดเผยว่า ตนไม่เคยวิจารณ์อะไรกับคดีนี้เลย ไม่ว่าจะผิดหรือถูก เรื่องนี้เริ่มจากมีคนโทรมาบอกว่าลุงพลและป้าแต๋น อยากให้ตนเป็นทนาย จึงบอกว่าตนกำลังทำคดีอยู่ ไม่สะดวก ตอนเย็นเขาก็โทรมาอีก ตนไม่รับสาย เพราะไม่อยากจะทำ เนื่องจากไม่เคยสนใจคดีนี้เลย แม้จะคอยตามข่าวอยู่ จนเขาส่งข้อความมาต่อว่าตนไม่รับโทรศัพท์ จึงโทรกลับไปอีก
สักพักมีคนอ้างเป็นเลขาของลุงพล โทรมาหาบอกว่าอยากให้เป็นทนาย ก่อนจะได้คุยกับลุงพลป้าแต๋น จึงถามว่าทำไมถึงเลือกตน เขาบอกว่าทนายตั้มเคยคุยกับเขาไว้ว่า ทนายอนันต์ชัยแม่นกฎหมายที่สุด ซึ่งเขาบอกว่าไม่กลัวเลย ถ้าเป็นทนายอนันตชัย ตอนมีกระแสข่าวว่าเป็นทนายให้แม่น้องชมพู่ ยอมรับว่าผมรู้จักกลุ่มทนายหมด แต่ไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร อย่าไปคิดว่ารู้จักใครแล้วจะเข้าข้างเขา
นอกจากนี้ มีคนคอมเมนต์ด่าตนว่า เขียนคำพูดสวยหรู อวดตัวเอง แล้วลบด้วยเท้า ก่อนจะลบไป นี่ขนาดยังไม่ทำอะไรก็โดนต่อว่าแล้ว ซึ่งลุงพลบอกว่ามาขอความเป็นธรรมกับตน แต่ตนขอเวลาปรึกษาทีมงานก่อน บอกว่าจะให้โอกาส โดยเจ้าตัวบอกว่าถ้าจะให้เข้าพบเมื่อไหร่ จะมาเล่าความจริงให้ฟัง ซึ่งตนรับทำคดีทั้งแพ่งและอาญาโดยไม่คิดเงินเลย
นายอนันต์ชัย กล่าวอีกว่า การจะจ้างตนไม่จำเป็นต้องมีเงินเสมอไป ถ้าเป็นคนดีจริง อาจไม่ต้องใช้เงินก็ได้ โดยคดีนี้สืบจนจบแล้ว พอจะรู้ว่าใครผิดบ้าง และสังคมจะได้ประโยชน์จากคดีนี้มากกว่า ทั้งยังเป็นกุศลอีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีการคอมเมนต์ว่าต้องการเปิดรับบริจาคมาจ่ายค่าทนาย 5 ล้าน 10 ล้านบ้าง ขออย่าเอาชื่อเสียงตนไปทำเสียหาย ตนมองลุงพลในทางที่ดี ให้โอกาส เพราะคำพิพากษายังไม่ออก แต่ขอแฟนคลับลุงพลอย่าโกรธที่ตนไม่ทำคดีให้ เพราะถ้าลุงพลเอ่ยชื่อตนออกมาจริงๆ ก็เสี่ยงทำให้เลย เพราะขนาดแค่นี้ยังไม่ให้ใจ ตนทำให้คนดีมีศีลธรรม คนไม่ดีไม่ทำให้ อย่ามาเสียเวลากับตนเลย ถ้าจากนี้ลุงพลจะติดต่อมาอีกก็ไม่รับทำคดีให้แล้ว
ทั้งนี้ บอกเลยคดีนี้ไม่มีปัญหาสำหรับตนเลย ซึ่งลุงพลพลาดโอกาสอย่างแรง ต้องอ้อนวอน และให้ใจกับตนก่อน ส่วนเรื่องจะเอาผิดกับผู้ที่ทำให้ตนเสียหายหรือไม่นั้น ตอนนี้ยังไม่สนใจ แต่ถ้าหลังจากนี้มีมาอีกก็เอาผิดแน่ๆ ส่วนตัวมองว่าคดีนี้จุดอ่อนอยู่ที่ความสนิทสนมระหว่างลุงพลกับน้องชมพู่ ฉะนั้นหลักฐานเรื่องที่พบเส้นผมนั้นปกติมากๆ แต่ถ้าทั้งคู่ ไม่มีความสนิทกันก็น่าคิด แต่คดีนี้ไม่จำเป็นต้องเป็นทนายที่มีชื่อเสียงมาว่าความให้เลย เพราะคนเก่งๆ มีอีกมาก แต่ต้องให้ใจ ให้ความจริงและให้เกียรติอาชีพทนายความก่อน แต่ขนาดยังไม่รับทำ ก็โดนต่อว่าแล้ว
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Tnews