จากกรณีข่าววันนี้ (9 ธ.ค.2564) แถลงการณ์ร่วมจากสองบริษัทฯ อ้างผลการศึกษาจากห้องปฏิบัติการเบื้องต้น ระบุว่าวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของไฟเซอร์-ไบออนเทค จำนวนสามโดส จะสร้างแอนติบอดีเพียงพอต่อการลบล้างฤทธิ์สายพันธุ์ โอไมครอน และแม้วัคซีนสองโดส “อาจไม่เพียงพอสำหรับป้องกันการติดเชื้อไวรัสฯ ดังกล่าว” แต่มันอาจยังสามารถป้องกันอาการป่วยขั้นรุนแรงที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสฯ โอไมครอน หรือ โอมิครอน ได้
ทางด้านอัลเบิร์ต บูร์ลา ประธานและ CEOของไฟเซอร์ อัพเดทข่าวล่าสุด เผยว่าแม้วัคซีนโควิด-19 สองโดสอาจป้องกันอาการร้ายแรงที่เกิดจากเชื้อไวรัสฯ สายพันธุ์ข้างต้น แต่ข้อมูลเบื้องต้นเหล่านี้บ่งบอกชัดเจนว่าวัคซีนโดสที่ 3 จะมอบการป้องกันที่ดีกว่า ดังนั้นการฉีดวัคซีนโดสกระตุ้นจึงเป็นแนวปฏิบัติดีที่สุดในการป้องกันการระบาดของโรคโควิด-19
อูกูร์ ซาฮิน ยังกล่าวอีกว่า ไฟเซอร์และไบออนเทคกำลังเดินหน้าพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 รุ่นปรับสูตร ภายใต้เป้าหมายสร้างการป้องกันในระดับที่สูงขึ้นและยั่งยืนกว่าเดิม โดยสองบริษัทเริ่มพัฒนาวัคซีนเพื่อรับมือโอไมครอน โดยเฉพาะตั้งแต่วันที่ 25 พ.ย. และอาจสามารถส่งมอบวัคซีนดังกล่าวราวเดือนมีนาคม 2022 ในกรณีจำเป็น
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.2564 ที่ผ่านมา โรเชลล์ วาเลนสกี ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐฯ (CDC) ระบุว่า 19 รัฐของสหรัฐฯ รายงานการตรวจพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอนแล้ว และคาดว่าตัวเลขนี้จะเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบันสหรัฐฯ กำลังเผชิญการกลับมาระบาดของโรคโควิด-19 โดยมีรายงานผู้ป่วยใหม่เฉลี่ยรอบ 7 วันสูงกว่า 100,000 ราย ในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา
ที่มา แฟ้มภาพซินหัว : ป้ายชื่อบริษัทไฟเซอร์ด้านหน้าสำนักงานใหญ่ระดับโลกในนครนิวยอร์กของสหรัฐฯ วันที่ 23 ส.ค. 2021
ขอขอบคุณข้อมูลจาก Tnews