จากกรณีที่เป็นประเด็นร้อนแรงในโลกโซเชียลอย่างมากในขณะนี้ คงเป็นเรื่องกระเป๋าเเบรนด์เนมเเอร์เเมส ที่เป็นข้อถกเถียงกันว่าเเท้หรือปลอม โดย น.ส.จิดาภา ชีนารักษ์ หรือ ชมพู่ อายุ 24 ปี เจ้าของกระเป๋าแบรนด์เนม Hermes ที่นำไปขายให้กับร้านเเม่ค้าทีน่าในราคา 395,000 บาท เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 64ที่ผ่านมา แต่ ทีน่าเจ้าของร้านระบุว่ากระเป๋าดังกล่าวเป็นของปลอม พร้อมกับได้ใช้ปากกาเมจิกเขียนลงบนกระเป๋าด้วยข้อความที่ระบุว่า “ปลอม” และไม่ยอมคืนกระเป๋าให้ พร้อมกร้าวหากตรวจสอบเเล้ว พบว่าเป็นของจริงจะโอนเงินให้ 2 ล้าน เปลี่ยนชื่อเป็น “สรพงษ์”เลิกเป็นกะเทยด้วย
และวันนี้ อัพเดตข่าวล่าสุด น้องชมพู่ หรือ น.ส.จิดาภา ชีนารักษ์ เจ้าของกระเป๋าแบรนด์เนม และทนายเกิดผล แก้วเกิด ทนายความชื่อดัง รวมถึงทีน่า แม่ค้าออนไลน์เจ้าของร้านที่รับซื้อกระเป๋าแบรนด์เนม และเจ้าของสถาบันสอนดูกระเป๋าแบรนด์เนม The Catch fake Brandname เดินทางมาร่วมรายการโหนกระแส
น.ส.จิดาภา หรือ ชมพู่ กล่าวให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนภายหลังจบรายการถึงกรณีดังกล่าวว่า ยังคงยืนยันคำเดิมว่าจะขอรับเงินเสียหายเป็นเงินจำนวน 2 ล้านบาท และจะดำเนินการแจ้งความเอาผิดให้ถึงที่สุด โดยทางเจ้าของร้านยอมรับว่าผิดพลาด และจากการฟังคำชี้แจง ตนเองมองว่าเป็นเรื่องของการยักยอก เพราะยึดกระเป๋าตนเองไปและทำทรัพย์สินของตนเองเสีย ตอนแรกตกลงราคาซื้อขายที่ราคา 395,000 บาท ส่วนที่เลือกขายกระเป๋าให้เพราะเห็นว่ามีหน้าร้าน และยอดฟอลโล่เยอะ จึงตัดสินใจเลือกทำการขาย
นอกจากนี้ ชมพู่ ยังกล่าวด้วยว่าทางร้านมีเจตนาที่จะตั้งใจกลั่นแกล้งตนเองหรือไม่นั่น ไม่แน่ใจ แต่วันที่ตนเองส่งแมสเซนเจอร์ไปรับกระเป๋าคืนนั้น กลับปักหมุดสถานที่ผิด ปักไปที่วัด ดังนั้นในวันรุ่งขึ้นตนเองจึงเดินทางไปแจ้งความที่ สน.บางขุนเทียน และพอไปถึงหน้าร้านดังกล่าว ก็พบว่าปิดร้าน จึงโทรศัพท์ไปสอบถาม แต่ทางทีน่ากลับพูดจาไม่รู้เรื่อง และด่าทอด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย
ด้านทนายเกิดผล กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่าทางเจ้าของร้านมีเจตนายึดกระเป๋าใบดังกล่าวไว้ตั้งแต่แรก ตามหลักกฎหมายแล้วไม่มีสิทธิ์ ส่วนประเด็นที่ออกมาประกาศว่าจะจ่ายค่าเสียหายให้กับชมพู่เป็นจำนวนเงิน 2 ล้านบาทนั้น ทางกฏหมาย ถือเป็นคำมั่น ย่อมมีผลผูกพันธ์ ของผู้ให้คำมั่นสัญญา ถือว่ามีผลพูกพันธ์ตามกฏหมาย
แต่เขาพยายามหลีกเลี่ยงว่าเป็นการพนัน ถือเป็นหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ทำให้เสียหาย และทุกข้อหาที่แจ้งไปนั้นสามารถที่จะยอมความได้แต่ประเด็นอยู่ที่ความสำนึกสิ่งที่พูดในวันนี้ทำให้การตัดสินใจในการฟ้องร้องง่ายขึ้น
ส่วนของ "ทีน่า"เเม่ค้ากระเป๋าออนไลน์ กล่าวยืนยันว่าไม่ได้โกง และไม่ได้ตั้งใจจะกล่าวหาว่ากระเป๋าใบดังกล่าวเป็นของปลอม แต่เป็นความผิดพลาดในการตรวจสอบกระเป๋า แต่หลังจากที่มีการพิสูจน์ทราบได้ว่ากระเป๋าดังกล่าวเป็นของแท้ ก็ได้ทำการโอนเงินไปเพื่อยืนยันว่าทำการสั่งซื้อพร้อมกล่าวขอโทษไป
ส่วนกรณีการฟ้องร้องนั้น ก็ปล่อยให้เขาฟ้องร้องไป สรพงษ์มั่นใจว่าไม่ได้ทำผิดอะไร ก็จะสู้คดีตามกฏหมาย ส่วนที่เคยประกาศเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะจ่ายเงิน จำนวน 2 ล้าน หากกระเป๋าเป็นของจริง ก็จะไม่จ่ายเงินใดๆ เพราะทางน้องชมพู่ไม่ได้ตกลงรับปากว่าจะรับคำท้า ถือว่าแค่การท้าพนัน และที่ประกาศว่าจะเลิกเป็นสาวประเภทสองนั้น ในความเป็นจริงก็ไม่สามารถกระทำได้ ส่วนในวันพรุ่งนี้ตนเองก็จะเดินทางไปเปลี่ยนชื่อเป็นสรพงษ์ตามที่ได้มีการประกาศไว้
ขณะที่คุณสุนิสา เอกวิทยาเวชนุกูล และคุณพิชญ์พงศ์ กิจพิทักษ์ เจ้าของสถาบันสอนดูกระเป๋าแบรนด์เนม The Catch fake Brandname กล่าวถึงผลการตรวจสอบกระเป๋าแบรนด์เนมใบดังกล่าวว่าเป็นของแท้ตั้งแต่แรกแล้ว แต่ด้วยการสร้างความเชื่อมั่นให้กับสังคม ก็เลยส่งไปตรวจสอบที่ต่างประเทศ ประเทศอเมริกา และยังกล่าวถึงวิธีการตรวจสอบกระเป๋าแบรนด์เนมของสถาบันตนเองด้วย ถึงยังเล่าว่าในช่วงเวลาดังกล่าวทางที่หน้าก็ติดต่อที่จะนำกระเป๋ามาตรวจสอบกับตนเองแต่เนื่องจากครูผู้เชี่ยวชาญไม่อยู่ในวันดังกล่าว จึงเลื่อนให้มาตรวจสอบในวันถัดไป
ทั้งนี้ภายหลังจากที่ ชมพู่ และทนายความเกิดผลให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเสร็จก็พากันมายังสถานีตำรวจนครบาลบางขุนเทียน เพื่อไปดูพยานหลักฐานเพิ่มเติมว่าแจ้งข้อหาใดเพิ่มเติมหรือเข้าข่ายความผิดใดได้บ้างในเบื้องต้นจะแจ้งข้อหาหมิ่นประมาทด้วย