หลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้มอบหมายให้แต่ละกระทรวงไปจัดทำแผนงานต่างๆ เพื่อเป็นการแจกของขวัญปีใหม่ 2565 ให้กับประชาชน หรือ "รัฐบาลแจกของขวัญปีใหม่ 2565" โดยให้แต่ละกระทรวงเร่งดำเนินการเพื่อนำเสนอแผนงานภายในวันที่ 21 ธ.ค.64 นี้ เพื่อให้มีผลบังคับใช้ได้ในช่วง ปีใหม่ 2565 และเป็นของขวัญให้กับประชาชนต่อไปซึ่งจะทยอยออกมา ที่เปิดเผยออกมาบ้างแล้ว
โดย ของขวัญปีใหม่จากรัฐบาลมีอะไรบ้างนั้น วันนี้ทีมข่าวไทยนิวส์ได้รวบรวมมาไว้ให้แล้ว ซึ่งมาตรการของขวัญปีใหม่ เบื้องต้นของแต่ละกระทรวงมีข้อมูลดังต่อไปนี้
- กระทรวงการคลัง 3 มาตรการเอาใจประชาชน
คลังมีมาตรการ "ผ่อนดีมีคืน" ของธนาคารรัฐ ได้แก่ ธนาคารออมสิน , ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) , ธนาคารเพื่อการเกษตและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) แก่ลูกค้าที่มีประวัติการผ่อนดี โดยจะคืนให้รายละไม่เกิน 1,000 บาท พร้อมด้วย มาตรการ "คนละครึ่งเฟส 4" โดยให้วงเงินอีกคนละ 1,500 บาท หรือ 3,000 บาท และ มาตรการช้อปดีมีคืน เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชน โดยจะเป็นวงเงินที่ให้ซื้อสินค้าจะเป็น 30,000 บาท หรือ 50,000 บาท เพื่อมาหักลดหย่อนภาษีได้ ตามที่ภาคเอกชนเรียกร้อง
- กระทรวงพาณิชย์
จัดพาณิชย์ลดราคา "New Year Grand Sale 2022" ลดราคาสินค้าพิเศษให้กับประชาชน ในช่วงเทศกาลปีใหม่ทั่วประเทศ โดยได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการ และภาคเอกชน รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลดค่าครองชีพรับปีใหม่สุดยิ่งใหญ่ ตั้งแต่วันนี้ - 31 ม.ค. ปีหน้า ลดสูงสุดถึง 86%
สำหรับราคาสินค้าและบริการที่ลดราคามี 3 หมวดใหญ่ ได้แก่
กลุ่มที่ 1 สินค้าบริการที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น อาหาร เครื่องดื่ม ของใช้ในบ้าน เครื่องครัว เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานยนต์ อุปกรณ์ช่าง และของตกแต่งรวมทั้งสินค้าเบ็ดเตล็ด
กลุ่มที่ 2 บริการ ที่ประกอบด้วย บริการทางการแพทย์ ที่พัก ร้านอาหาร ศูนย์บริการ รถยนต์ ธนาคาร ปั๊มน้ำมัน อินเตอร์เน็ต ประกันภัย เป็นต้น
กลุ่มที่ 3 กลุ่มแพลตฟอร์มและโลจิสติกส์ ประกอบด้วยแพลตฟอร์มร้านอาหาร แพลตฟอร์มสินค้า และแพลตฟอร์มโลจิสติกส์
- กระทรวงอุตสาหกรรม
อุตสาหกรรมได้จัดของขวัญปีใหม่ 2565 เพื่อมอบให้ประชาชนและผู้ประกอบการ 4 ด้าน ได้แก่ อำนวยความสะดวกและลดต้นทุนผู้ประกอบการ เสริมสะภาพคล่องทางธุรกิจ ยกระดับผู้ประกอบการ ดูแลเกษตรกรและประชาชน โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1. มหกรรมจำหน่ายสินค้าราคาโรงงาน ระหว่างวันที่ 23-24 ธันวาคม 2564 ณ บริเวณนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จังหวัดชลบุรี
2. มหกรรมแสดงและจำหน่ายสินค้า DIPROM MOTOR OUTLET จำหน่ายรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และเครื่องจักรกลการเกษตรในราคาพิเศษ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและลดภาระให้ผู้บริโภคโดยจะจัด ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาวัสดุอุตสาหกรรมสร้างสรรค์จังหวัดลำปาง
นอกจากนี้ยังมี "สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ" มูลค่า 32,030 ล้านบาท อีก 5 โครงการ จากสำนักงานกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ กสอ. และธพว. ได้แก่
- สินเชื่อเพิ่มศักยภาพ SME สำหรับผู้ผลิตให้บริการค้าปลีกหรือค้าส่งในกลุ่มอุตสาหกรรม BCG (Bio Circular Green) กรอบวงเงิน 1,000 ล้านบาท วงเงินสินเชื่อต่อรายสูงสุดไม่เกิน 15 ล้านบาท ระยะเวลากู้ สูงสุดไม่เกิน 10 ปี ปลอดชำระคืนเงินต้น สูงสุดไม่เกิน 18 เดือน ดอกเบี้ย 2% ต่อปี ตลอดอายุสัญญา คาดว่าจะเปิดรับคำขอสินเชื่อได้ในช่วงเดือนมกราคม 2565
- สินเชื่อ สร้างโอกาส เสริมสภาพคล่อง SME ที่ต้องการเงินฟื้นฟูกิจการหรือเริ่มต้นกิจการใหม่ กรอบวงเงิน 500 ล้านบาท วงเงินสินเชื่อต่อรายตั้งแต่ 1 แสนบาทและสูงสุดไม่เกิน 2 ล้านบาท ระยะเวลากู้สูงสุดไม่เกิน 7 ปี ปลอดชำระคืนเงินต้น สูงสุดไม่เกิน 12 เดือน ดอกเบี้ย 2% ต่อปี ตลอดอายุสัญญาคาดว่าจะเปิดรับคำขอสินเชื่อได้ในช่วงเดือนมกราคม 2565
- สินเชื่อเพื่อฟื้นฟู SME เพื่อเป็นเงินทุนช่วยเหลือให้กับ SME กลุ่มเดิมที่เป็นลูกหนี้สินเชื่อของกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ กรอบวงเงิน 500 ล้านบาทวงเงินสินเชื่อต่อรายสูงสุดไม่เกิน 3 ล้านบาท ระยะเวลากู้ไม่เกิน 7 ปี ปลอดเงินต้นไม่เกิน 12 เดือน ดอกเบี้ย 2% ต่อปี
- สินเชื่อพิเศษดีพร้อมเปย์ (DIProm Pay) สำหรับผู้ประกอบการ SME ที่ผ่านการเข้าร่วมโครงการของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม โดยมีกำหนดให้ยื่นคำขอภายใน 30 เมษายน 2565 หรือจนกว่าจะครบจำนวนวงเงินโครงการ ทั้งนี้ขอสงวนสิทธิ์ระยะเวลาสิ้นสุดโครงการก่อนกำหนด หากมีการอนุมัติสินเชื่อเต็มวงเงินแล้ว โดยอัตราดอกเบี้ยคงที่ระยะสั้นแบบขั้นบันได เริ่มต้นปีแรก 3% ปีที่สอง 4% และ ปีที่สาม 5%
- สินเชื่อ SMEs Happy สำหรับลูกค้าเดิมของ ธพว. และผู้ประกอบการ SMEs ทั่วไปเพื่อขยายกิจการ เสริมสภาพคล่อง รักษาการจ้างงาน และฟื้นฟูกิจการหลังสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย โดยแบ่งเป็น 3 โครงการ ได้แก่
1. โครงการ SMEs D Plus วงเงิน 5,000 ล้านบาทดอกเบี้ย 4.5% ต่อปี
2. โครงการ SMEs D เพื่อการลงทุนวงเงิน 5,000 ล้านบาท ดอกเบี้ย 5.5% ต่อปี
3. โครงการ SMEs D เสริมสภาพคล่อง วงเงิน 5,000 ล้านบาท ดอกเบี้ยเริ่มต้น 6% ต่อปีวงเงินรวม 15,000 ล้านบาท
- กระทรวงพลังงาน
ก.พลังงานได้เสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณามาตรการส่งเสริมการใช้และส่งเสริมการลงทุน รวมถึงมาตรการภาษีและมาตรการที่ไม่ใช่ภาษีเพื่อสนับสนุนการใช้รถ EV ในประเทศ สำหรับแพ็กเกจที่จะประกาศนี้จะสนับสนุนทุกฝ่ายทั้งผู้ผลิต ลูกค้าที่ซื้อรถ EV ซึ่งการสนับสนุนของรัฐบาลจะทำให้เกิดดีมานด์ตามโรดแมปที่รัฐบาลได้วางไว้ โดยจะสามารถผลิตรถอีวีได้ถึง 10% ของการผลิตรถยนต์ในปี 2568 และขยายไปถึง 30% ภายใน2030
- กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา
มาตรการ "เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 4" ให้สิทธิอีก 2 ล้านห้อง เดินทางช่วงเดือนมกราคม - เมษายน 2565 เสนออนุมัติงบประมาณ 13,200 ล้านบาท
- กระทรวงมหาดไทย
โครงการ 130 ปี มหาดไทย ส่งสุข คลายทุกข์ให้ประชาชนรับปีใหม่ 2565 แบ่งเป็น 3 ด้าน 12 ของขวัญ ดังนี้
1. ด้านเศรษฐกิจ จำนวน 5 รายการ ได้แก่
- สถานธนานุบาลทั่วไทย พร้อมใจลดอัตราดอกเบี้ย" โดยลดอัตราดอกเบี้ยให้กับประชาชนผู้ใช้บริการสถานธนานุบาลขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 253 แห่งทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. 64 - 31 ม.ค.65
- "เชฟชุมชน... เรียนฟรี มีทุนให้" โดยฝึกอบรมความรู้ด้านการทำอาหารระยะสั้นให้กับประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เพื่อนำไปต่อยอดประกอบอาชีพ โดยผู้ที่เข้าร่วมโครงการสามารถขอรับเงินทุนประกอบอาชีพ จำนวนไม่เกิน 5,000 บาทต่อครอบครัว ที่สำนักงานเขตตามที่อยู่ในทะเบียนบ้าน
- "ติดมิเตอร์ใหม่ ลดราคา การประปาฯ จัดให้" โดยการประปานครหลวง ลดค่าติดตั้งประปาใหม่สูงสุด 20% สำหรับผู้ใช้น้ำรายใหม่ประเภทที่พักอาศัยในพื้นที่ให้บริการของการประปานครหลวง และการประปาส่วนภูมิภาค ลดค่าติดตั้งประปาใหม่ 10% สำหรับผู้ใช้น้ำรายใหม่ ประเภทที่อยู่อาศัยที่ติดตั้งมาตรวัดน้ำขนาด 1/2 นิ้ว ระหว่างวันที่ 1 ม.ค. – 28 ก.พ. 65
- "มหานครสดใส ชาร์จไฟกับ กฟน." บริการติดตั้งหัวชาร์จยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และสมุทรปราการ จำนวน 100 หัวชาร์จ
- "ของถูกขายฟรี ของดีพาส่งออก" โดยจัดพื้นที่บริเวณตลาดน้ำสวนผัก คลองสองนครา ณ องค์การตลาดสาขาตลิ่งชัน ให้ประชาชนจำหน่ายสินค้าฟรี พร้อมเปิดเส้นทางท่องเที่ยวในชุมชน ล่องเรือเที่ยววัด และจับคู่ทางธุรกิจบน Platform ต่างๆ ส่งออกไปยังต่างประเทศ อีกด้วย
2. ด้านพัฒนาบริการดิจิทัล จำนวน 4 รายการ ได้แก่
- “DOPA Citizen Service บริการวิถีใหม่...ง่ายๆ แค่ปลายนิ้ว” โดยรวบรวมการให้บริการประชาชนแบบออนไลน์ จำนวน 21 งาน บริการของกรมการปกครองไว้ในช่องทางเดียว ซึ่งพี่น้องประชาชนสามารถขอรับบริการได้ทั้งทางเวบไซต์ citizenservice.dopa.go.th และแอพพลิเคชั่น DOPA Citizen Service ตลอด 24 ชั่วโมง ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 65 เป็นต้นไป
- “คนกรุงสบาย จดทะเบียนที่ดินออนไลน์ใกล้บ้าน” โดยอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนสามารถจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมแบบออนไลน์ต่างสำนักงานที่ดินได้ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร
- “Click ชุมชน... เรียนรู้ ดู เที่ยว ทั่วไทย” โดยให้บริการ Platform ดิจิทัล “Click ชุมชน” รวบรวมข้อมูลชุมชน ท่องเที่ยวชุมชน สินค้า OTOP แหล่งทุนชุมชน และความรู้ชุมชน เพื่อใช้ประโยชน์ในการวางแผนพัฒนาคุณภาพชีวิต สร้างอาชีพ สร้างรายได้ พี่น้องประชาชน
- “ผังเมือง Delivery” บริการระบบตรวจสอบผังการใช้ประโยชน์ที่ดินตามผังเมืองในชื่อ "Landuse Plan" ซึ่งพี่น้องประชาชนสามารถตรวจสอบสีผังเมืองของที่ดินหรือทำเลที่ตั้งบ้าน ทำให้ทราบถึงศักยภาพการพัฒนาที่ดินของตนเอง ผ่านช่องทางเวบไซต์ plludds.dpt.go.th และแอพพลิเคชั่น Landuse Plan
3. ด้านพัฒนาคุณภาพชีวิต จำนวน 3 รายการ ได้แก่
- “มหาดไทยสูบส่งน้ำ ส่งสุข คลายทุกข์ คลายแล้ง” ช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาอุทกภัยด้วยการกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำ เปิดทางระบายน้ำ สูบระบายน้ำ และสูบน้ำเข้าไปกักเก็บตามแหล่งน้ำต่างๆ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนจากปัญหาขาดแคลนน้ำอุปโภค - บริโภคในช่วงฤดูแล้ง
- “ขยายเขต 10 วันทันใจกับไฟฟ้าภูมิภาค” โดยยกระดับการให้บริการขอติดตั้งมิเตอร์แรงต่ำขนาดไม่เกิน 30 แอมป์ ร่วมกับงานขยายเขตระบบจำหน่ายไฟฟ้าแรงต่ำระยะทางไม่เกิน 140 เมตร แบบ One Touch Service ภายใน 10 วันทำการ ในพื้นที่เขตชุมชน โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายในการขยายเขตระบบจำหน่ายไฟฟ้าแรงต่ำ
- “สนามปันสุข” โดยเปิดพื้นที่สาธารณะภายในพื้นที่ระบบบำบัดน้ำเสีย ทั้ง 23 แห่ง ให้พี่น้องประชาชนใช้ทำกิจกรรมต่างๆ เช่น ออกกำลังกาย หรือกิจกรรมต่างๆ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย
และสุดท้าย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะเร่งจ่ายเงินโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว และมาตรการคู่ขนานปีการผลิต 2564/65 ภายใต้ความร่วมมือระหว่างกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงการคลัง ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ให้แล้วเสร็จ ไร่ละ 1,000 บาทครัวเรือนละไม่เกิน 20 ไร่ จำนวน 74,569 ล้านบาท เป้าหมายเกษตรกร 4.69 ล้านครัวเรือน