จากกรณีที่ สำนักข่าวรอยเตอร์ ระบุว่า บริษัท โมเดอร์นา อิงค์ เปิดเผยข้อมูลจากการทดลองในห้องปฏิบัติการพบว่า วัคซีนเข็มกระตุ้นของ "โมเดอร์นา" สามารถช่วยป้องกันไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนที่กำลังแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วได้ จากการทดสอบฉีดวัคซีนของบริษัทจำนวน 2 โดส แม้จะสร้างแอนติบอดีในระดับต่ำเมื่อเจอกับเชื้อไวรัสโอไมครอน แต่วัคซีนเข็มกระตุ้นขนาด 50 ไมโครกรัมของโมเดอร์นาจะช่วยเพิ่มแอนติบอดีในการต่อสู้กับเชื้อโอมิครอนได้ 37 เท่า และเมื่อฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นขนาด 100 ไมโครกรัม จะทำให้ร่างกายสร้างแอนติบอดีเพิ่มขึ้นมากกว่า 80 เท่าเมื่อเผชิญกับเชื้อโอไมครอน
ส่วนในเรื่องของการพิจารณาเพิ่มขนาดวัคซีนเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อไวรัสได้สูงขึ้น ซึ่งอาจจะต้องฉีดวัคซีนในปริมาณ 100 ไมโครกรัมนั้น อย่างไรก็ตามการเพิ่มปริมาณการฉีดวัคซีนเป็น 100 ไมโครกรัม ขึ้นอยู่กับการประเมินของรัฐบาลและหน่วยงานกำกับดูแล และแน่นอนว่าเพิ่มปริมาณวัคซีนมีแนวโน้มจะทำให้พบอาการข้างเคียงบ่อยขึ้นเล็กน้อย แต่ยังยืนยันว่าการให้วัคซีนในปริมาณ 100 ไมโครกรัมนั้นมีความปลอดภัยและสามารถทำได้
ดร.พอล เบอร์ตัน หัวหน้าฝ่ายเจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์ของ "โมเดอร์นา" ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์ ว่า วัคซีนรุ่นปัจจุบันก็ยังคงเป็นทางเลือกอันดับแรกในการป้องกันเชื้อไวรัสโอไมครอน ดังนั้นบริษัทจึงตัดสินที่จะทดลองวัคซีน mRNA-1273 เป็นเข็มกระตุ้น เพราะขณะนี้เกิดการระบาดอย่างรวดเร็ว
อีกทั้งวัคซีนของโมเดอร์นาเป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงและปลอดภัยมาก โดยหวังว่าวัคซีนที่มีอยู่จะสามารถปกป้องผู้คนจากการระบาดของโอไมครอนในช่วงเทศกาลฤดูหนาวได้ หัวหน้าเจ้าหน้าที่การแพทย์ของโมเดอร์นากล่าวในการให้สัมภาษณ์ กับสำนักข่าวรอยเตอร์ ต่อว่า อย่างไรก็ตาม โมเดอร์นาวางแผนที่จะพัฒนาวัคซีนเพื่อป้องกันโอไมครอนโดยเฉพาะ และคาดว่าจะเริ่มการทดลองทางคลินิกในต้นปีหน้า