สำหรับ "พิมรี่พาย" มีเรื่องวุ่นวายเข้ามาได้ตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องกล่องสุ่มหรือประเด็นเหยื่อหมอปลอมของคลินิกเธอเอง ซึ่งยังคงมีเหยื่อที่เสียหายออกมาอย่างต่อเนื่อง สำหรับ “พิมรี่พาย” ได้เปิดคลินิกศัลยกรรมที่ชื่อ Est Cute clinic โดยทำการไลฟ์ขายโปรโมชั่นฉีดโบท็อก ฉีดฟิลเลอร์ เสริมจมูก เสริมคาง ในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาด เช่น เสริมจมูกในราคา 4,999 บาท เสริมคางในราคา 5,999 บาท
หลังจากนั้นได้เกิดกระแสดราม่าคลินิกเสริมความงามของ "พิมรี่พาย" นั้นใช้หมอปลอมในการทำศัลยกรรม และมีกรณีผิดพลาดเป็นจำนวนมาก แต่เจ้าของคลินิกเงินหนาเมื่อมีปัญหาก็ใช้เงินปิดข่าว หลังจากนั้นได้มีคนนำชื่อแพทย์ที่ทำศัลยกรรมที่คลินิกของ “พิมรี่พาย” ไปเผยแพร่ในโซเชียล
ซึ่งในเวลาต่อมา เจ้าหน้าที่ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) ได้ลงพื้นที่ที่ “อิสคิวท์คลินิกเวชกรรม สาขาห้วยขวาง” เพื่อตรวจสอบข้อมูล โดยระหว่างนี้ สบส.ได้สั่งปิดให้บริการเฉพาะสาขาดังกล่าวชั่วคราว เป็นเวลา 30 วัน ในส่วนของเจ้าของสถานพยาบาลก็จะมีโทษตามกฎหมายสถานพยาบาลต่อไป ที่ปิดเพียงสาขาเดียวเนื่องจากต้องดูจากเหตุที่เกิด เรายังพบแค่สาขาเดียว
ด้าน อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) เผยว่า กำลังออกคำสั่งในการสั่งปิดสถานบริการชั่วคราว 30 วัน อธิบายได้คือตามแนวทาง หากพบสถานพยาบาลที่มีแพทย์ที่ไม่มีใบประกอบวิชาชีพ หรือหมอเถื่อน เข้ามาทำงาน ถือว่าไม่ปลอดภัยต่อประชาชน เราจึงต้องสั่งปิดชั่วคราว เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ให้เกิดการปรับปรุงและระมัดระวังมากขึ้น ขณะนี้ที่ผิดแน่นอน คือ หมอที่แอบอ้างตัว ซึ่งเจ้าพนักงานสอบสวนกำลังออกหมายจับอยู่
จากกรณีที่เกิดขึ้นความผิดจะเกิดขึ้นจากใครบ้าง อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ เผยว่า ตามกฎหมายคลินิก จะประกอบด้วย
1. ผู้รับอนุญาต คล้ายเป็นเจ้าของกิจการ ที่จะเป็นบุคคลทั่วไป หรือบริษัทก็ได้
2. ผู้ดำเนินการสถานพยาบาล คือ แพทย์ในคลินิกที่มีใบประกอบวิชาชีพแพทย์ตามแต่ละสาขา คล้ายผู้จัดการทางการแพทย์ มีหน้าที่จัดหาผู้ให้บริการที่ถูกต้อง แต่ปรากฏว่ามีหมอเถื่อนในคลินิก
ดังนั้น เบื้องต้นจึงมีโทษจากการไม่จัดผู้ให้บริการ ให้เป็นไปตามมาตรฐาน โดยความผิดตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 ฐานปล่อยปละละเลยให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่ผู้ประกอบวิชาชีพทำการประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาล ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนกรณีว่าจะมีส่วนรู้เห็นหรือไม่นั้น ต้องรอให้เจ้าพนักงานสอบสวนดำเนินการต่อไป
สืบเนื่องจากประเด็นที่เกิดขึ้นนั้น สำหรับคำพูดเตือนของหมอผู้เชียวชาญที่ออกโรงเตือนว่าถ้ามีผู้เสียหายตัวของ พิมรี่พาย นั้นจะรับผิดชอบไหวไหม ซึ่งสุดท้ายแล้วผู้เสียหายที่ได้ไปศัลยกรรมกับหมอปลอม โผล่ออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในวันนี้ทางไทยนิวส์ออนไลน์ จะพาดู 2เคส หลักๆ ที่ได้รับความเสียหายจนเธอพิมพฺแชทไปร้องเรียนกับ “อิสคิวท์คลินิกเวชกรรม สาขาห้วยขวาง” ว่าเธอนั้นไม่กล้าใช้ชีวิตแบบปกติอีกแล้ว
โดยไทยนิวส์จะพาไปเริ่มที่ น.ส.พลอย (นามสมมุติ) อายุ 33 ปี แม่ค้าขายเสื้อผ้าออนไลน์ เดินทางเข้าพบทนายรัชพล ศิริสาคร เพื่อปรึกษาคดีและแต่งตั้งให้เป็นผู้ติดตามคดี พร้อมหลักฐานผลการตรวจร่างกายจากโรงพยาบาลหลังจากที่เดินทางไปฉีดโบท็อกซ์ที่ คลินิก อิส คิวท์ สาขาห้วยขวาง ของ น.ส.พิมรดาภรณ์ เบญจวัฒนะพัชร์ หรือ พิมรี่พาย แม่ค้าออนไลน์ชื่อดัง
จนต่อมาเกิดอาการหนังตาข้างขวาตก ผิวหน้ามีอาการแสบร้อนและคัน โดยแพทย์จากศิริราช ระบุว่า เกิดภาวะหนังตาตกจากการฉีดโบท็อกซ์ ซึ่งในกรณีนี้อาจจะใช้เวลารักษานาน 6-12 เดือน และอาจจะไม่สามารถรักษากลับมาให้หายเป็นปกติได้
โดยหลังได้รับผลกระทบทางหญิงสาวผู้เสียหายได้ทำการยื่นข้อเรียกร้องเกี่ยวกับค่ารักษาและเยียวยาชดเชยแล้ว แต่ทางคนดูแลคลินิกไม่สามารถตกลงเจรจาความรับผิดชอบให้ได้ จึงเดินทางมาปรึกษาทนายรัชพล พร้อมแต่งตั้งเป็นทนายความเรียกร้องเงินค่ารักษาและเยียวยาจนกว่าจะหายเป็นปกติ
นอกจากนี้เธอมีความกังวลใจจากหลังตาที่ตกลงมามากและมองเห็นไม่ชัดเจน ในวันที่ 20 ธ.ค. ตนจึงได้เดินทางเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช โดยแพทย์ได้ระบุว่ามีสภาวะหนังตาตก จากการฉีดโบท็อกซ์ ทำให้ตนเริ่มไม่มั่นใจในการรักษาของคลินิกดังกล่าว และต้องการให้คลินิกรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจนกว่าจะสามารถรักษาให้หายเป็นปกติ
ซึ่งเธอนั้น ต้องการให้ทางคลินิกเยียวยาชดเชยจากการขาดรายได้จากการไลฟ์สดขายเสื้อผ้าออนไลน์ซึ่งเป็นรายได้หลัก เพราะหลังเกิดสภาพหนังตาตกจนทำให้ดวงตาไม่เท่ากัน ทำให้ตนเองไม่สามารถประกอบอาชีพขายเสื้อผ้าออนไลน์ต่อไป ส่งผลให้ตนซึ่งเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวและเป็นคนดูแลแม่กับคนงานอีกหลายคนได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก
โดยเธอยังทิ้งท้ายด้วยน้ำตาอีกว่า หลังตกอยู่ในสภาพดังกล่าวที่ตาไม่เท่ากัน ตนพยายามปกปิดเรื่องนี้ไม่ให้ลูกรู้ ด้วยการใส่แว่นตาดำปกปิด แต่ก็มาพลาดถอดแว่นตาออกจนลูกมาเห็นเข้า ทำให้เขาร้องไห้เสียใจออกมาด้วยความกังวลว่าตนจะตาบอด ก็ได้แต่ปลอบโยนลูกไปว่าเดี๋ยวก็รักษาหายไม่ต้องกังวล ทั้งๆ ที่ยังไม่รู้เลยว่าจะรักษาอาการนี้ให้หายเป็นปกติได้เมื่อไร เมื่อเห็นลูกสาวร้องไห้เพราะเป็นห่วงตน ตนก็เป็นห่วงสภาพจิตใจลูกเช่นกัน
และสาเหตุที่ตนเลือกมาทำกับคลินิกแห่งนี้เพราะชื่อเสียงของพิมรี่พาย ที่ตนชื่นชอบในตัวพิมรี่พายเป็นทุนอยู่แล้ว จึงตัดสินใจไปทำเพราะมั่นใจในตัวพิมรี่พายซึ่งเป็นแม่ค้าขายของออนไลน์เหมือนกัน ตนจึงยังไม่ได้เข้าแจ้งความไว้เป็นหลักฐานเพราะต้องการให้ทางคลินิกออกมารับผิดชอบ แต่เรื่องก็เงียบไปมีการตกลงพูดคุยเฉพาะค่ารักษาพยาบาลเท่านั้น
ส่วนเรื่องเงินเยียวยาชดเชยที่ตนเสนอไปก็ยังไม่ได้รับคำตอบใดๆ ที่แน่ชัดกลับมา ซึ่งตนเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทางพิมรี่พายรับรู้เคสของตนเองหรือไม่ หรือเรื่องของตนไปติดค้างอยู่กับทีมงานรอบตัวจนเรื่องไปไม่ถึงตัวของพิมรี่พายแม้จะผ่านมาหลายวันแล้ว ทำให้ในวันนี้ตนเองจึงตัดสินใจเดินทางมาพบทนายรัชพลเพื่อขอให้ช่วยทำคดีเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับตนเอง
ส่วนเหยื่ออีกรายซึ่งเป็นเหยื่อรายล่าสุดนั้น เมื่อวานที่ผ่านมา (24 ธ.ค.2564) โดยเธอนั้นได้ออกมาเปิดเผยว่า เธอมีความเชื่อถือในคลินิกแห่งนี้ จึงตัดสินใจซื้อแพคเกจเสริมความงามในราคา 3 หมื่นบาท และไปใช้บริการเมื่อวันที่ 14 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยฉีดฟิลเลอร์ ฉีดโบท็อกซ์ และร้อยไหม โดยหมอปลอมคนดังกล่าว ซึ่งได้ส่งผลให้เกิดอาการข้างเคียงในเวลาต่อมาคือ ขมับขวาผิดรูป เจ็บกราม และมีอาการชาที่ปากจนดื่มน้ำไม่ได้
จากนั้นจึงไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งแพทย์ระบุว่าสาเหตุมาจาก เส้นประสาทถูกกดทับ จึงนำใบรับรองแพทย์ไปแจ้งยังคลินิก อิส คิวท์ คลินิก ต้นเหตุ ซึ่งแพทย์ที่คลินิกแห่งนี้ก็ได้ทำการรักษาโดยการฉีดสลายบริเวณที่ผิดรูปบนใบหน้า
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ตนเองรู้สึกหวาดกลัวเพราะเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อใบหน้า จึงมาแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน โดยนำหลักฐานต่างๆ และใบรับรองแพทย์มาประกอบด้วย ส่วนจะดำเนินคดีกับทางคลินิก และหมอปลอมด้วยหรือไม่นั้น รวมถึงการฟ้องแพ่งเรียกร้องค่าเสียหาย จะต้องหารือกับทางทนายความและพนักงานสอบสวนก่อน
อย่างไรก็ตาม ยังไม่ได้รับการติดต่อโดยตรงจากทางพิมรี่พายว่าจะให้การช่วยเหลือเยียวยากับกรณีที่เกิดขึ้นอย่างไรบ้าง
https://www.thainewsonline.co/news/827412
โดยต้องบอกว่านี่เป็นเพียงบางส่วนเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบจาก เหยื่อหมอปลอมคลินิก "พิมรี่พาย" เพราะเชื่อได้ว่ายังคงต้องมีเหยื่ออีกหลายรายที่ได้ผลกระทบจากหมอปลอม ซึ่งเราต้องติดตามกันต่อว่านอกจากเรื่องเยียวยากล่องสุ่มและผู้ที่ได้รับเสียหายจากการศัลยกรรมนั้นได้รับเยียวยาอย่างไร