จากกรณี ข่าววันนี้ 30/12/2564 ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก (WHO) นายแพทย์ ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส แสดงความวิตกกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะ สายพันธุ์เดลตา และโอไมครอน แพร่ระบาดในเวลาเดียวกัน อาจส่งผลให้เกิด สึนามิของผู้ติดเชื้อ "ช่วงหลังเทศกาลปีใหม่ 2565"
ทาง ผอ.องค์การอนามัยโลก ได้เรียกร้องให้ทุกประเทศฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้ครบครอบคลุมประชากรอย่างน้อย 70% ในช่วงกลางปี 2565 จะช่วยลดระยะแสดงอาการของโรคดังกล่าวได้ พร้อมย้ำว่าโรคโควิด-19 จะยังคงอยู่ร่วมกับมนุษย์ไปอีกระยะ การฉีดบูสเตอร์หรือวัคซีนเข็มกระตุ้นโดยไม่จำเป็นจะยิ่งยืดเวลาการแพร่ระบาดของโรคออกไปอีก เนื่องจากกลุ่มประเทศยากจน และห่างไกลยังคงไม่มีวัคซีนเพียงพอ
ขณะเดียวกันยังเร็วเกินไปที่จะสรุปได้ว่าเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนมีความรุนแรงมากหรือน้อยกว่า สายพันธุ์เดลตา จนกว่าจะมีข้อมูลเกี่ยวกับอาการป่วยจากสายพันธุ์โอไมครอนในกลุ่มเปราะบางที่มากกว่านี้ โดยเฉพาะผู้สูงอายุ พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า แอฟริกาใต้ ประเทศแรกที่แจ้งให้ องค์การอนามัยโลกทราบเรื่องการระบาดของไวรัสโอมิครอนเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน พบการระบาดของไวรัสโอมิครอนน้อยลง ตัวเลขผู้ป่วยใหม่จากไวรัสโอไมครอนลดลงร้อยละ 29
องค์การอนามัยโลก ระบุว่า ไวรัสโอมิครอนได้กลายเป็นสายพันธุ์หลักแทนสายพันธุ์เดิมคือ เดลตา ในหลายประเทศ เช่น เดนมาร์ก โปรตุเกส อังกฤษและสหรัฐฯ นอกจากนั้น ข้อมูลเบื้องต้นจาก 3 ประเทศ คือ อังกฤษ แอฟริกาใต้ และเดนมาร์ก ซึ่งมีตัวเลขผู้ป่วยต่อประชากรในอัตราสูงที่สุดในโลกในปัจจุบัน ชี้ว่า อัตราการเข้าโรงพยาบาลของผู้ป่วยจากไวรัสโอมิครอนน้อยกว่า เมื่อเทียบกับอัตราการเข้าโรงพยาบาลของผู้ป่วยจากไวรัสเดลตา