สืบเนื่องมาจากกรณีร้านค้าจำนวนมากแห่ขึ้นราคาค่าอาหาร เนื่องจากราคาเนื้อหมูในท้องตลาดมีการปรับราคาสูงขึ้นแตะ 200 บาทแล้ว และยังมีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนหลายคนเกิดคำถามว่าเพราะเหตุใดนั้น
ข่าวล่าสุด ฐานเศรษฐกิจ รายงานเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าว่า นายสัตวแพทย์สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ เปิดเผยถึงกรณีเนื้อหมูปรับราคาแพงขึ้นในท้องตลาด สาเหตุมาจากปัจจัยหลายอย่าง ยกตัวอย่างเช่น
- ต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น อาหารสัตว์ ยาในการรักษาโรค หรือสร้างคอกสัตว์ก่อนทำการเลี้ยงรุ่นการผลิตใหม่
- การพบโรคระบาดที่ก่อความเสียหายต่อหมูที่จะเข้าสู่ตลาด เนื่องจากต้องมีการทำลายหมูเพื่อควบคุมโรค
- เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรรายเล็ก รายย่อยและรายกลาง เกิดความตื่นตระหนกต่อข่าวของการเกิดโรคระบาด จึงเร่งขายหมูออกจากฟาร์ม ทำให้ปัจจุบันหมูในระบบการผลิตมีปริมาณลดลง เป็นต้น
ขณะที่รายการ เรื่องเด่นเย็นนี้ ช่อง 3 รายงานว่า จากการเปรียบเทียบราคาหมู เมื่อช่วงมกราคม 2564 กับช่วงเดือน ธันวาคม 2564 ปรากฏว่า ราคาหมูขายปลีก ราคาปรับขึ้นมา 32-40 บาทต่อกิโลกรัม แต่ถ้าหากเป็นร้านขายปลีกที่รับหมูไปขายทอดที่สอง ทอดที่ 3 ราคาจะบวกเพิ่มอีกกิโลกรัมละ 10-20 บาท โดยประชาชนในภาคเหนือ ได้รับผลกระทบจากราคาเนื้อหมูมากที่สุด
-กองสลาก เปิดขั้นตอนลงทะเบียนผู้ค้าลอตเตอรี่รายย่อยรอบใหม่เริ่มวันนี้
-ปลัดมหาดไทย ออกหนังสือด่วน สั่งหน่วยงานในสังกัดทั่วประเทศ Work From Home
-สรรพากร เปลี่ยนช่องทางคืนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ปี 64
ด้านสัตวแพทย์ นายวิวัฒน์ พงษ์วิวัฒนชัย อุปนายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ ประเมินแนวโน้มราคาหมูปีนี้ ว่าจะยังคงพุ่งสูงต่อเนื่อง จากปัจจัยต้นทุนการเลี้ยงหมู ทั้ง ราคาอาหารสัตว์ที่เพิ่มขึ้น 30% ระบบป้องกันโรคระบาดที่ใช้ต้นทุนสูง ทำให้ต้นทุนการเลี้ยงหมูพุ่งไปที่กิโลกรัมละ 120 บาท ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยคาดว่าหมูมีชีวิตจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 120 บาท ส่วนราคาขายปลีก มีโอกาสได้เห็นกิโลกรัมละ 200 บาท ถึง 200 บาทต้น ๆ
นอกจากนี้ เกษตรกรก็ไม่สามารถตรึงราคาไหว แม้ที่ผ่านมาให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการตรึงราคาต่อเนื่อง ทั้งหมูธงฟ้า หมูแลกข้าว แต่ผู้เลี้ยงหมูก็ไม่เคยได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐอย่างจริงจัง จนทำให้เกษตรกรรายย่อยล้มหายตายจาก ต้องเลิกกิจการ จากที่เคยมีอยู่ 200,000 ราย วันนี้เหลือไม่ถึง 80,000 ราย ส่งผลให้หมูขาดแคลน ปริมาณหมูที่เข้าสู่ตลาดลดลงไปกว่า 40%