โควิดเริ่มกลับมาระบาดอย่างหนักอีกครั้งในประเทศไทย แต่เชื่อว่าเราทุถกคนจะผ่านวิกฤตนี้ไปได้อีกครั้ง เพราะพวกเราเคยผ่านมันมาแล้ว ถึงจะเสียน้ำตาและแรงใจอยู่บ้าง แต่ก็สู้กันต่อไป ซึ่งหนทางการอยู่รอดในช่วงนี้เห็นทีต้องพึ่งพาวัคซีน แม้จะไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ แต่วัคซีนสามารถสร้างภูมิกันหมู่ และถ้าติดเชื้อขึ้นมาจริงๆ ก็จะทำให้อาการเบาบางลง
ล่าสุด พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า กทม.เปิดลงทะเบียน "ฉีดวัคซีนเข็ม 3" ให้คนไทยและแรงงานต่างด้าวที่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ เพียงจองคิวผ่าน แอปฯ QueQ ซึ่งการรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 วัคซีนเป็นสิ่งจำเป็นที่ช่วยยับยั้งการแพร่ระบาดไม่ให้มีผู้ติดเชื้อและถ้าติดเชื้อจะช่วยไม่ให้มีอาการรุนแรง
และช่วยลดจำนวนผู้เสียชีวิตลดลงได้ ซึ่งในตอนนี้คนกรุงเทพฯ ได้รับการฉีดวัคซีนเข็ม 1 และ 2 จำนวนเกินกว่า 100% แล้ว และได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น เข็ม 3 แล้วจำนวน 21% ดังนั้น การเร่งฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น เข็ม 3 ให้กับประชาชนทุกคนที่อยู่ใน กทม. ทั้งคนต่างชาติที่อาศัยใน กทม. หรือแรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานใน กทม. ที่สามารถฉีดกระตุ้นเข็ม 3 ได้แล้วเป็นสิ่งที่จำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องฉีดให้ครบทุกคนอย่างรวดเร็ว เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์ Omicron ที่กำลังแพร่ระบาดใหม่ในช่วงเวลานี้ ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะระบาดเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว
โดย กทม.เปิดลงทะเบียนฉีดวัคซีนเข็ม 3 ให้แก่ประชาชนทุกกลุ่มทุกสัญชาติ โดยจองคิวผ่าน แอปฯ QueQ ที่มีบริการฉีดวัคซีนในโรงพยาบาลสังกัดกรุงเทพมหานคร ศูนย์บริการสาธารณสุข และศูนย์ฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 กรุงเทพมหานคร ณ อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) เขตดินแดง ที่รองรับได้ประมาณวันละ 2,000 คน/ โดยสามารถนัดหมายการฉีดวัคซีน ได้ 2 รูปแบบ
- นัดหมายแบบองค์กร (Group vaccination) โดยระบุรายละเอียดชื่อร้าน กลุ่มคนงานแคมป์ก่อสร้าง หรืออื่น ๆ ระบุจำนวนพนักงานสัญชาติไทย ระบุจำนวนพนักงานต่าวด้าว อย่างชัดเจน
- นัดหมายผ่าน "แอป QueQ" สำหรับประชาชนทั่วไป
และยังมีหน่วยฉีดวัคซีนเคลื่อนที่ (BKK Mobile Vaccination Mobile : BMV) ที่จะบริการฉีดวัคซีนเชิงรุกเคลื่อนที่ไปในชุมชนให้กับผู้ที่ไม่สะดวกเดินทางได้ใกล้บ้าน ให้ได้รับการฉีดวัคซีนได้ง่ายขึ้น
อย่างไรก็ตาม นอกจากจะเร่งฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดแล้ว กทม. ยังได้เตรียมความพร้อมการรักษาผู้ป่วย โดยจัดทีมบุคลากรทางการแพทย์ใน รพ.สังกัด กทม. จัดเตรียมอุปกรณ์ทางการแพทย์ ยาและเวชภัณฑ์ จัดเตรียมศูนย์พักคอย โรงพยาบาลสนามที่มีการเข้าสู่ Stand by Mode ให้สามารถเปิดบริการได้ทันทีหากมีการแพร่ระบาดอีกครั้ง