จากกรณี เมื่อเวลา 08.30 น. ที่ รพ.วชิระภูเก็ต นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) แถลงข่าวสถานการณ์โควิด-19 ว่า กระทรวงสาธารณสุขยกระดับการเตือนภัยโควิด-19 จากเดิมระดับ 3 ปรับขึ้นเป็นระดับ 4 งดไปรับประทานร่วม/ดื่มสุราในร้าน ซึ่งจะมีข้อแนะนำและมาตรการเพิ่มขึ้น อาจมีการปิดสถานที่เสี่ยงที่อาจจะทำให้เกิดการแพร่เชื้อ มีการเพิ่มมาตรการต่างๆ ให้มากขึ้นในสถานที่เสี่ยง รวมถึง ชะลอการเดินทาง เช่น การไปทำงานก็ให้ทำงานที่บ้าน(work from home) การเดินทางข้ามจังหวัดก็ขอให้ชะลอ การเคลื่อนย้ายของคน และการจำกัดการรวมกลุ่ม ทำกิจกรรมต่างๆ ต้องมีมาตรการเคร่งครัดมากขึ้น รวมกลุ่มให้ลดลง ไม่ให้แพร่เชื้อ ทั้งนี้ ขอความร่วมมือประชาชนและสถานประกอบการปฏิบัติตามมาตรการVUCAอย่างเคร่งครัด คือ รับการฉีดวัคซีนตามที่กำหนด ป้องกันตนเองครอบจักรวาลทุกที่ทุกเวลา สถานประกอบการมีระบบCOVID-19 Free Settings และตรวจATKสม่ำเสมอ
สรุปสถานการณ์สั้นๆ ว่า ผู้ป่วยอาการหนักและเสียชีวิตลดลง แต่การติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากมีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด ด้วยการเข้าใช้บริการสถานที่ระบบปิดในร้านอาหารกึ่งผับบาร์ มีกิจกรรมงานเลี้ยง งานบุญทางศาสนาที่อาจจะมีการระวังไม่เพียงพอ จึงทำให้การระบาด การเดินทางต่างๆ ก็มีผลต่อการแพร่กระจายเชื้อ อยากให้ประชาชนที่กลับมาจากต่างจังหวัดได้เฝ้าระวังอาการตัวเอง อย่างน้อย 14 วัน หากทำงานจากที่บ้านได้(Work from home) ได้จะดีมาก โดยเฉพาะในสัปดาห์แรก ตรวจ ATK เป็นประจำ เพื่อให้เราพบเชื้อได้เร็ว และควบคุม ป้องกันอย่างรวดเร็ว
“จังหวัดต่างๆ ต้องเน้นบังคับใช้กฎหมาย กรณีที่พบผู้ติดเชื้อเช่นเดียวกับร้านอาหารหรือสถานบริการต่างๆ อย่างเคร่งครัด ให้ปฏิบัติตามมาตรการ Covid-19 free setting อย่างเคร่งครัด” นพ.เกียรติภูมิกล่าว
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีจะมีการล็อกดาวน์หรือไม่ ว่า จากการแถลงของ นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงฯ เน้นย้ำชัดเจนว่า จะไม่มีการล็อกดาวน์ แต่จะจำกัดการทำกิจกรรม สถานที่เสี่ยง เช่น ที่แออัด อากาศไม่ถ่ายเท เพื่อความปลอดภัยของประชาชน
"นี่เป็นการประกาศยกระดับ ส่วนมาตรการต่างๆ ที่จะออกมา จะต้องมีการหารือร่วมกับ ศบค. ก่อนประกาศใช้" นพ.โอภาส กล่าว