จากกรณีที่นักแสดงหนุ่มชื่อดัง นาย ณภัทร ได้โพสต์โฆษณาผลิตภัณฑ์อาหารลงในช่องทางเฟซบุ๊ก ระบุข้อความว่า "ถ้าเนื้อหมูขึ้นราคา ลองหันมากิน "เนื้อจากพืช" แทนนะครับ อร่อย ดีต่อสุขภาพ ปราศจากความกังวลเลยครับ นักเกตไก่จากพืช หมูกรอบจากพืช และหมูสับจากพืช ได้โปรตีนสูง จะผัดกะเพรา ต้มจืด ไข่ยัดไส้ จัดไปแทนกันได้หมด" ทำให้มีชาวเน็ตพากันวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมาก
ล่าสุด นาย ณภัทร ได้เปิดใจถึงเรื่องดังกล่าวว่า
"ตอนเห็นเรื่องนี้ผมตกใจมากเลยและไม่ได้นิ่งนอนใจอะไรครับ ก่อนอื่นผมขอโทษประชาชนทุกคนเลยนะครับ ผมเข้าใจดีว่าสถานการณ์ตอนนี้ทุกคนเจอโควิดแล้วทุกคนมีความเครียดสะสมมีความยุ่งยากในการใช้ชีวิตอยู่แล้วมาเจอแบบนี้อาจจะไปทำให้รู้สึกเจ็บช้ำน้ำใจ ก่อนอื่นต้องขอโทษทุกคนนะครับ แต่ไม่ใช่เจตนาของผมเลยนะครับที่จะมาโพสต์ในความหมายแง่ลบ เจตนาของผมคือเจตนาดีที่เห็นว่าถ้าสมมติเนื้อหมูราคาสูงก็มีทางเลือกหลายๆ ทาง และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือก และได้ทำบุญเรื่องของการไม่ฆ่าสัตว์ อันนี้คือเจตนาของผม
ผมไม่ได้อยากจะแก้ตัวอะไรเยอะแยะครับ แค่อยากจะบอกว่าผมเข้าใจว่าตอนนี้ทุกคนกำลังเจออะไรอยู่บ้างนะครับ แต่เจตนาของผมไม่ได้มีเจตนาที่แย่หรือว่าอะไรเลยในหัว หรือว่าสิ่งที่ตั้งใจจะสื่อออกไป ก่อนผมโพสต์ผมก็ดูข้อความเหมือนกันเป็นแคปชั่นที่ทีมส่งมา แต่ตอนโพสต์เราไม่ได้มีเจตนาที่แย่เลย ไม่ได้ต้องการให้ไปกระทบจิตใจหรือทำร้ายจิตใจใครเลย "
ส่วนเรื่องแคปชั่นเป็นแคปชั่นที่ได้รับมาจากแบรนด์ แต่ก็ได้อ่านดูแล้วก่อนโพสต์ ไม่มีเจตนาสื่อไปทางไม่ดี
"ก่อนผมจะโพสต์ก็ดูข้อความเหมือนกันครับ ก็เป็นแคปชั่นที่ส่งมาด้วยครับ แล้วตอนที่เราลง เราไม่ได้คิดว่ามันมีความหมายที่แย่เลย เราเจตนาดี ไม่ได้มีเจตนาที่จะสื่อไปในทางที่ไม่ดี ที่จะให้ไปกระทบจิตใจหรือว่าน้ำใจของใครเลย"
เผยโดนด่าจนนอยด์ จนรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนไม่ดี เหมือนเป็นผู้ก่อการร้าย
"ตอนเห็นครั้งแรกเห็นดราม่าตกใจมากครับ อย่างที่บอกไม่ได้มีเจตนาให้กระทบประชาชนคนไทยทุกคน หรือ พี่น้องชาวไทยที่เดือดร้อนในตอนนี้ ผมไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องตลก มันเป็นเรื่องที่จริงจังและซีเรียสมาก ถามว่านอยด์ไหม นอยด์ครับ เพราะไม่คิดว่าจะเกิดอะไรแบบนี้ ก็เสียใจครับ รู้สึกว่าผมเป็นคนไม่ดีเหรอ หรือเป็นผู้ก่อการร้ายเหรอ อะไรแบบนี้ แต่ผมไม่ได้รู้สึกโกรธนะครับ เคารพในความคิดของพี่ๆ น้องๆ ทุกคน และไม่ได้นิ่งนอนใจอะไรครับ
"ผมมาทราบเรื่องดราม่าหลังจากโพสต์ไปประมาณ 3 วัน เพื่อนสนิทส่งมาให้ดูก็ตกใจครับ ในเฟซบุ๊กที่ผมลบออกเพราะรู้สึกว่าสิ่งที่ผมสื่อออกไปผมไม่อยากให้คนเอาไปตีความในแง่ลบ หรือในแง่อื่นที่ไม่ใช่อย่างที่ผมอยากจะสื่อออกไป เลยตัดสินใจลบดีกว่าครับ กับคอมเมนต์ที่เข้ามาผมก็อ่านบ้างครับ แต่ไม่ได้อ่านหมดเพราะผมก็ยังต้องทำหน้าที่ของผมต่อไปด้วย แต่ผมไม่ได้อยากแก้ตัวอะไรให้มันยืดเยื้อ ผมรู้สึกว่ามันกระทบจิตใจคนหลายคนผมต้องขอโทษไว้ตรงนี้เลยครับ"