หญิงไทยรายแรก "เสียชีวิต" หลังติด "โอไมครอน BA.2" ล่าสุด ติดเชื้อรวม 14 ราย

26 มกราคม 2565

ไทยพบผู้ติดเชื้อ โอไมครอน BA.2 แล้ว 14 ราย เสียชีวิตแล้ว 1 เป็นหญิงไทย อายุ 70 ปี ซึ่งมีปัจจัยเสี่ยงคือเป็นผู้สูงอายุ

หลังพบเชื้อ โอไมครอน BA.2 ซึ่งเป็น โอไมครอน สายพันธุ์ย่อย ล่าสุดมีรายงานว่าพบผู้ติดเชื้อ โอไมครอน BA.2 ในไทยรวมแล้ว 14 ราย และหนึ่งในนั้นเสียชีวิตจาก โอไมครอน BA.2 

 

รายงานวันที่ 26 ม.ค. 65 นายแพทย์ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เผย ขณะนี้มีการตรวจพบสายพันธุ์ "โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2" มีผู้ติดเชื้อแล้ว 14 ราย เป็นกลุ่มผู้เดินทางจากต่างประเทศ 9 ราย และเป็นการติดเชื้อภายในประเทศ 5 ราย ในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิตหนึ่งรายเป็นหญิงไทย อายุ 70 ปี ซึ่งมีปัจจัยเสี่ยงคือเป็นผู้สูงอายุ

ไทยพบ โอไมครอน BA.2 แล้ว 14 ราย และมีผู้เสียชีวิต

ทั้งนี้ จากข้อมูลที่มีการกระจายของเชื้อไวรัสโควิด-19 โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย BA.2 ยังไม่พบความแตกต่างจากสายพันธุ์ย่อย BA.1 เดิม ในประเด็นความสามารถในการแพร่เชื้อที่รวดเร็ว อาการรุนแรง หรือสามารถหลบภูมิคุ้มกันได้ แต่ยังยืนยันได้ว่าในการคัดกรองยังสามารถตรวจเบื้องต้นโดยใช้ชุดตรวจATK ตรวจคัดกรองได้
 

 

อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า การเฝ้าระวังการกลายพันธุ์ของเชื้อโควิด-19 กรมวิทย์ศาสตร์การแพทย์ร่วมกับเครือข่ายทั่วประเทศ พบ "โอมิครอน" สายพันธุ์ย่อยในประเทศ ได้แก่ BA.1 และ BA.2 โดยสายพันธุ์ย่อย BA.2 มีการตรวจพบรายแรกตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม 2565 และได้รายงานในระบบฐานข้อมูล GSAID ตั้งแต่วันที่ 19 มกราคม แล้ว

 

ไทยพบ โอไมครอน BA.2 แล้ว 14 ราย และมีผู้เสียชีวิต

โดยก่อนหน้านี้ "หมอธีระ" รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกมาโพสต์ข้อความ สรุปการติดเชื้อ โควิด-19 และ โอมิครอน ในตอนนี้ "โอมิครอน" Omicron BA.2" สายพันธุ์ BA.2 นั้นตอนนี้มีรายงานว่ากำลังพบมากขึ้นในหลายประเทศ เช่น เดนมาร์ก อินเดีย สิงคโปร์ สวีเดน สหราชอาณาจักร

ข้อมูลยังมีไม่มากนักว่าความรุนแรง และการดื้อต่อวัคซีน จะแตกต่างจากสายพันธุ์ Omicron BA.1 ที่กำลังระบาดหนักทั่วโลกขณะนี้หรือไม่ แต่ในเรื่องอัตราการแพร่เชื้อนั้น เริ่มมีการตั้งข้อสังเกตว่าอาจไวกว่า BA.1

หากดูในแง่ตำแหน่งการกลายพันธุ์ จะพบว่า BA.2 มีความแตกต่างจาก BA.1 หลายที่ แต่ต้องทำการวิจัยเพื่อหาข้อสรุปว่าการแพร่เชื้อ ความรุนแรง และการดื้อต่อวัคซีนจะเป็นเช่นไรกันแน่