จากกรณี นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังคงมีผู้ติดเชื้ออย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่มีอาการไม่รุนแรง อาจไม่จำเป็นต้องได้รักษาแบบผู้ป่วยในของโรงพยาบาล แต่ให้แยกกักตัวที่บ้าน Home Isolation (HI) เพื่อสังเกตอาการได้
แม่ที่มีอาการติดเชื้อโควิด-19 และจำเป็นต้องแยกแม่ลูก ควรเก็บสำรองน้ำนมโดยให้คนอื่นเป็นผู้ป้อนแทน หากแม่ติดเชื้อและมีอาการรุนแรง ต้องแยกแม่และลูก และงดให้นมแม่ แนะนำให้บีบระบายน้ำนมทิ้ง เพื่อให้แม่คงสภาพการมีน้ำนมและสามารถกลับมาให้นมแม่ได้เมื่อมีอาการดีขึ้นหรือหายปกติ
แนะนำหลักการต้องปฏิบัติตาม 6 วิธี ดังนี้
-อาบน้ำหรือเช็ดทำความสะอาดบริเวณเต้านมและหัวนมด้วยน้ำสะอาด
-ล้างมือให้สะอาดด้วยน้ำและสบู่ นานอย่างน้อย 20 วินาที หรือแอลกอฮอล์เข้มข้น 70 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป
-สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ขณะทำกิจกรรมให้นมลูก
-งดสัมผัสบริเวณใบหน้าของตนเองและทารก เช่น การหอมแก้ม
-หาผู้ช่วยหรือญาติที่มีสุขภาพแข็งแรงและทราบวิธีการป้อนนมที่ถูกต้อง โดยปฏิบัติตามวิธีการป้องกันตนเองอย่างเคร่งครัด สำหรับทารกควรใช้ช้อนหรือถ้วยเล็กในการป้อน
ทำความสะอาดอุปกรณ์ทันทีหลังให้นมลูกเสร็จ และควรนึ่งเพื่อฆ่าเชื้อทุกครั้ง แต่หากแม่ติดเชื้อและกินยาต้านไวรัส แนะนำหลีกเลี่ยงการให้นมลูก เนื่องจากยาต้านไวรัสบางชนิดจะถูกขับออกทางน้ำนม เช่น ยาฟาวิพิราเวียร์ (Favipiravir) หรือ ดารูนาเวียร์ (Darunavir)
ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลกและยูนิเซฟได้แนะนำให้เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ได้อย่างต่อเนื่อง แม้แม่มีความเสี่ยง ในการติดเชื้อโควิด-19 หรือติดโควิด-19 เนื่องจากในน้ำนมแม่มีสารอาหารมากกว่า 200 ชนิด ที่จำเป็นสำหรับทารก และยังมีภูมิคุ้มกันโรคที่ช่วยปกป้องลูก
เนื่องจากน้ำนมแม่ในระยะแรกคลอด ถือเป็นวัคซีนหยดแรกของลูก เป็นยอดน้ำนมที่เรียกว่า “โคลอสตรัมหรือหัวน้ำนม” อุดมไปด้วยสารอาหารต่าง ๆ ทั้งคาร์โบไฮเดรต โปรตีน กรดไขมันจำเป็นที่ส่งผลต่อสมอง วิตามิน แร่ธาตุครบถ้วน ช่วยสร้างภูมิต้านทานโรค ส่งผลให้ลูกปลอดภัยจากไข้หวัด ปอดอักเสบ และท้องร่วงที่อาจมีอันตรายถึงชีวิต