เรียกได้ว่าดราม่าสนั่นงานเข้าไม่หยุด สำหรับ ทิดสมปอง หลังจากที่โดน เจ๊ติ๋ม ทีวีพูล ออกมาแฉเกี่ยวกับการกระทำต่างๆ ของอดีตพระนักเทศน์คนดัง ซึ่งก่อนหน้านี้ ทิดสมปอง มีข่าวเรื่องกว้านซื้อที่ดิน ส.ป.ก.กว่า 300 ไร่ เพื่อให้ครอบครัวได้ทำกินนั้น เจ้าตัวก็ได้เปิดใจในช่วงหนึ่งของรายการโหนกระแสว่า ที่ดินนั้นไม่ใช่ของตนเอง เป็นของญาติพี่น้องอยากมีที่ทำกิน
โดยทิดสมปอง ระบุว่า "เขาไปดูมา แล้วก็มาปรึกษาตอนเป็นพระ เราไม่มีก็หายืมให้ หน้าใหญ่ใจโต เขาไปจัดการ ส่วนจะเช่าหรือซื้อ ผมไม่รู้ด้วย ถ้าผมจะผิด ผมก็ผิดตรงนี้ที่สนับสนุน หาให้ ส่วนที่มีข่าวว่าที่ดังกล่าวเป็นที่ ส.ป.ก. เจ้าตัวก็ว่าไม่รู้ว่าจริงหรือไม่ เพราะไม่ได้ไปยุ่งว่าเป็นที่อะไร ไม่ใช่หน้าที่ของตน
ทั้งนี้ เมื่อสอบถามว่า บุ๋ม ปนัดดา บอกว่าเป็นที่จำนวน 300 ไร่ ที่สมปองได้นำไปเสนอขาย ทิดคนดังถึงระบุว่า "ผมมีที่แสนไร่ ล้านไร่ เชื่อผมไหม คือความผมพูดเล่นพูดจริงก็พูดใหญ่พูดโต ไม่คิดว่าจะเป็นหอกมาทิ่มแทงผม ซึ่งตอนนี้ก็ตระหนักแล้ว กับเรื่องนี้หากที่ดังกล่าวเป็นที่ ส.ป.ก.จริง เจ้าตัวก็ยอมรับว่าต้องตัดสินไปตามกฎหมาย ก็บอกญาติแล้ว ก็ตามกฎหมายครับ จะยึดคืนก็ตามนั้นครับ"
เมื่อบอกว่า ถ้าตรวจสอบไปที่เป็นอุทยาน บุกรุกป่าสงวน คุกนะ ทิดสมปองกได้ตอบแบบชัดถ้อยชัดคำว่า "ผมอาจจะผิดตรงที่สนับสนุนหรือเปล่า แต่ไม่มีใช้ชื่อผมซื้อ ตรวจสอบได้เลยครับ"
-ติ๋ม ทีวีพูล เปิดใจ เคลียร์ทุกดราม่า เลี้ยงพระเป็นผัว? หลังแตกหัก "ทิดสมปอง"
-เร่งตรวจสอบ "ร่างปริศนา" สภาพครึ่งตัว ไร้หัว โผล่กลางคลองบางกอกน้อย
-“บุ๋ม ปนัดดา” เสียใจ หลังทิ้งบอมบ์ปมธุรกิจสีเทาใส่ “ทิดสมปอง” ไว้
ข่าวล่าสุด เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายสุรชัย อจลบุญ อธิบดีกรมป่าไม้ ได้ระบุถึงความคืบหน้าการตรวจสอบที่ดินของนายสมปองอดีตพระนักเทศน์ชื่อดัง ที่ระบุว่ามีการกว้านซื้อที่ดินกว่า 300 ไร่ บริเวณรอยต่อเขต ส.ป.ก. ใน อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ ว่า เจ้าหน้าที่สำนักงานจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 8 นครราชสีมา ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่า
"พื้นที่บริเวณดังกล่าวเดิมสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อการเกษตร (ส.ป.ก.) เคยประกาศเป็นเขต ส.ป.ก. แต่สภาพไม่เหมาะกับการทำเกษตรกรรม จึงส่งมอบพื้นที่คืนให้กรมป่าไม้"
นอกจากนี้ นายสุรชัย กล่าวต่อว่า วันนี้เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบที่ดินบริเวณดังกล่าวแล้ว 6 แปลง จาก 11 แปลง พบว่าอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าภูซำผักหนาม อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ ทั้งหมด 200 กว่าไร่ ส่วนใหญ่พบมีการปลูกต้นยางพารา ซึ่งไม่มีโฉนดที่ดินหรือเอกสารใดๆ ทั้งสิ้น ส่วนที่เหลือจะตรวจสอบต่อในวันที่ 9 ก.พ. 65 ซึ่งบางส่วนอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนฯ ที่เตรียมการประกาศเป็นพื้นที่จัดสรรที่ทำกิน ตามนโยบายคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ให้ราษฎรไร้ที่ดินทำกินด้วย
อย่างไรก็ตาม นายสุรชัย ยังระบุอีกว่า หากมีการตรวจสอบพื้นที่ทั้งหมดแล้ว จะให้เจ้าหน้าที่เข้าแจ้งความหาผู้กระทำผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้แห่งชาติ พ.ศ.2507 มาตรา 14 ห้ามมิให้บุคคลใดยึดถือครอบครองทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในที่ดิน ก่อสร้าง แผ้วถาง เผาป่า ทำไม้ เก็บหาของป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการเสื่อมเสียแก่สภาพป่าสงวนแห่งชาติ