จากกรณี เมื่อวันที่ 10 ก.พ. 65 เจ้เล้ง อารยา เจ้าของอาณาจักรเจ้เล้ง ดอนเมือง ได้มาเป็นแขกรับเชิญในรายการ คุยแซ่บshow ซึ่งมี ธัญญ่า ธัญญาเรศ และ พีเค ปิยะวัฒน์ เป็นพิธีกร โดยเจ้าตัวได้เปิดใจเล่าชีวิตหลังการเป็นหม้าย ยอมฟาดเงิน 700 ล้าน เลิกอดีตสามี ลั่น ชาตินี้ไม่ขอเผาผีกัน พร้อมเมินคนเปรียบเทียบ พิมรี่พาย และเผยเคล็ดลับความสำเร็จเพราะมีองค์
เรื่องอดีตสามี ฟาดไป 700 ล้านไม่เผาผีกันเลย?
เจ้เล้ง : จบแล้วตือจบ เจ้เล้งเป็นคนเด็ดอยู่อย่างนึง เป็นคนเฉยๆ เงียบๆ อดทน เมื่อสุดขีดความอดทนให้ไปแล้วก็คิดว่าทิ้งน้ำไปคือจบ ไม่เคยอยากจะรู้ข่าว ไม่เคยอยากจะถาม เหมือนว่าในโลกนี้ไม่มีเขาอีกแล้ว
คบกันมา แต่งงานอยู่ด้วยกันมากี่ปี?
เจ้เล้ง : 40 กว่าปี
แสดงว่าต้องหนักมาก 40 กว่าปี ไม่เหลือความผูกพันเลย?
เจ้เล้ง : ไม่ค่ะ เพราะว่าพยายามทน ความที่เราเป็นคนรู้จัก เราจะไปเล่าให้ใครฟังให้อายทำไม จริงๆ เวลาเก็บไว้เยอะๆ มันอึดอัด พอถึงเวลามันขาดก็คือขาดไปเลย
เริ่มปีที่เท่าไหร่ ที่เรารู้สึกว่าเราต้องทนอยู่?
เจ้เล้ง : จริงๆ สัก 2 ปีก็รู้สึกแล้ว คุณแม่เจ้เล้งเองแรกเลยสัก 5-6 ปี เขาบอกว่าจะทนทำไมลูก เขาก็เป็นหมันลูกไม่มี สายใยไม่มี แต่เราก็อยากเป็นผู้หญิงที่ทำมาหากิน ไม่อยากออกสังคม บอกแม่ว่ามีผัวคนเดียวก็ซวยแล้วนะ ถ้าเกิดไปมีหลายคน เลิกแล้วมีอีกหนูว่าซวยกว่าเดิม ทนๆ มันไปเถอะ แก่ๆ อาจจะดีขึ้น ก็คิดคำนี้ คือเขาไม่ได้เลวร้ายถึงขนาดอยู่กันไม่ได้ เขาไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่เล่นการพนัน ไม่เจ้าชู้ แต่คุยกันไม่รู้เรื่อง คือเขาไม่เอาใครเลยคนรอบข้าง มองทุกคนเป็นศัตรูหมด แม้แต่เราบางทีเขานอนตื่นขึ้นมา อาจจะฝันอะไรผิดไปหน่อยเจ้เล้งก็เป็นศัตรูของเขาเหมือนกัน
ด้วยประสบการณ์ของเจ้เล้งเห็นบอกว่าอยากสอนผู้หญิงด้วย?
เจ้เล้ง : ผู้หญิงทุกคน หรือผู้ชายทุกคน ผู้ชายแต่งงานมีเมีย กับผู้หญิงแต่งงานมีสามี คนเราสิ่งที่สำคัญคือเราต้องรักตัวเองก่อน อย่าไปทุ่มให้เขาจนหมด เวลามีอะไรขึ้นมาก็ไม่เหลืออะไรเลย เหมือนบ้าไปเลย ส่วนเจ้เล้งนี้ค่อย ๆ ขีดเส้นหนาไปทีละเส้น จนไม่มีที่ขีดละ มันก็คือหมด ก็ทำใจเตรียมตัวไว้ เราเป็นคนจริง ๆ คือเจ้เล้งเป็นคนทำธุรกิจ ไม่มีใครเชื่อนะ เจ้เล้งไม่เคยจับเงินเลย อดีตสามีเป็นคนถือเงินทั้งหมด เพราะเขาเป็นนักบัญชี คนทำบัญชีก็ทำไปเราก็หา ๆ เรารู้ยอดใหญ่ แต่จริง ๆ ยอดมันใหญ่กว่านั้น ทุกเดือนเขาจะเบี่ยงไป 4-5 ล้าน เราไม่รู้เรื่องเลย
เบี่ยงไปไหน?
เจ้เล้ง : เบี่ยงไปบัญชี ไปลงชื่อพี่ น้องเขา เราก็ไม่รู้ จนครั้งหลังสุดผิดปกติคือเยอะเกินเหตุละ ทำไมสภาพคล่องขาดละ เราขายของขนาดนี้เราไม่เคยต้องหมุนเงินเลย แต่สภาพคล่องก้อนนี้ไม่เหลือได้ยังไง ไปถอนเงินฝากประจำ เจ้เล้งทุบโต๊ะเรียกสมุดบัญชีคืน เจ้เล้งไม่เคยเก็บสมุดบัญชีเอง ไม่รู้ว่ามีกี่เล่ม จนจะหย่ากันให้เอาสมุดบัญชีมาคืน ถึงรู้ว่ามี 137 เล่ม
ตัดสินใจนานไหมกว่าจะแบบเอาไป 700 ล้าน?
เจ้เล้ง : ไม่ใช่เงินสดทั้งหมด 700 เงินสดจริงๆให้เขาไปแค่ 300 ล้าน แล้วเขาก็ขอทรัพย์สินไปส่วนนึง แล้วเรากลับไปซื้อคืน อพาร์ตเมนท์เจ้เล้งทำเองเขาจะเอาก็ให้ พอให้ไป 15 วัน ก็ขายทิ้ง พอเรารู้ เราเสียดายซื้อคืน ให้ที่ดินก็ขายทิ้งก็ซื้อไปอีก 150 ล้าน ให้ที่ดินเชียงใหม่ เขาค้อมีหมด ที่ดินตรงนั้นมูลค่า 3-4 ร้อยล้าน เขาก็ขายหมดเลย
แล้วเขาทอยเงินเก่ง ทุกปีจะมีการปันผลคนละกี่สิบล้าน อย่างพีเคปันไปครึ่งนึง พี่ก็ปันมาครึ่งนึง พีเคเข้าบัญชีส่วนตัวพีเค แต่ของพี่มันเอาเข้ากองกลาง เฉพาะเสียภาษีปันผลปีนึง 6-7 ล้าน สมัยก่อน 6-7 ล้านซื้อบ้านได้หลังนึง ทำไมจะไปปันผลละ ทำไมไม่ซื้อเป็นที่ดินขึ้นมา ไม่ซื้อเป็นทรัพย์สินขึ้นมามันก็เป็นการทอยเงินออกเหมือนกัน ไม่มันจะปันผลอย่างเดียว จนจะหย่ากันมันยังปันผลนะ ดีนะตบโต๊ะทัน ไม่งั้นไม่เหลือนะ
ปีนี้เจ้เล้ง 75 แล้ว เอากำลัง เอาความสดใสมาจากไหน?
เจ้เล้ง : จริง ๆ เจ้เล้งเป็นคนพอเริ่ม 55 ก็เริ่มดูแลตัวเอง ทำงานตั้งแต่อายุ 12 ไม่เคยดูแลตัวเอง ทำงานถึงเที่ยงคืน ตี 1-2-3 บางที 3 คืนไม่ได้นอนก็ยังทำ เพราะอยากรวย ระหว่างที่ทำงานเจ้เล้งก็ไม่เหมือนคนอื่น เจ้เล้งจะมีวางแผนล่วงหน้ากับธุรกิจตลอดเวลา ข้อที่ 2 เจ้เล้งไม่เคยออกสังคมเลย เวลาทำงานก็จะเก็บเงินอย่างเดียว พักผ่อนไหม ถ้ามีเวลาอยากพักผ่อน ไม่อยากไปไหนเลย อยากนอนอย่างเดียว เจ้เล้งเป็นคนทำงานวางแผน แต่งงานก็มีการวางแผนจะอยู่ด้วยกันได้ไหม
ฉะนั้นเวลาทำธุรกิจทำไมไม่ทำอย่างเดียวละ ไม่ใช่ที่ทำอยู่ไม่ดี ที่ทำอยู่ก็ดี แต่เจ้เล้งไม่โลภไม่ขยายสาขาเยอะๆ ไม่ชอบ เอาแค่นี้แหละ อยู่ได้แล้ว ทีนี้เจ้เล้งก็ทอยเงินจากกำไรไปทำธุรกิจอื่นโดยการไม่ได้เอาเงินเก็บมาลงทุนเลย คือ 3 ปีนี้จะไม่เก็บเงินนะ แบงก์ไม่ต้องมาขอเงินฝาก จะทำอพาร์ตเมนท์ละ เจ้เล้งก็เอาเงินกำไรไปทำ โดยการเอาพี่ไปเลี้ยงน้อง เจ้เล้งไม่โหมทีเดียว เพราะว่าทุกอย่างที่ไปโหมเกิดไม่ได้ขึ้นมามันก็หมด เจ้เล้งก็ 1, 2, 3, 4, 5 สเต็ปไปเรื่อย ๆ 1 เลี้ยง 2 แล้ว 2 เลี้ยง 3 ไปเรื่อยๆ
เคยคิดไหมว่าอายุ 75 แล้วอยู่บ้านไม่ต้องทำอะไร?
เจ้เล้ง : จริงๆตอนนี้ก็ดูซีรีส์ แต่ดูมากๆก็ไม่สบาย เพราะการดูซีรีส์ดูแล้วหยุดไม่ได้ นอนก็ไม่พอ ตาแสบ แก่แล้วตาเริ่มแห้ง แต่ก็ยังดู เป็นคนติดซีรีส์ แต่ว่าเจ้เล้งเป็นคนแบ่งอะไรพอเหมาะ พอควร ดูซีรีส์คืนนี้จะดู 2 ตอน ก็ปิดเลย จริงๆอายุเท่านี้ไม่ควรทำอะไรแล้ว ใครๆก็พูดอย่างนี้ เจ้เล้งก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน มีวันนึงลองทำแบบที่คนอื่นเขาทำ อยู่สบายชิลๆ วันนี้ไม่ทำงาน ตื่นเสร็จเรียกเด็กมานวดตัว นวดตัวเสร็จกินข้าว พอกินข้าวเสร็จทำอะไรต่อวะเนี่ย เมื่อไหร่มันจะมืด เมื่อไหร่จะได้นอน
พอถึงเวลานอน วันนี้พักเยอะ นอนไม่หลับอีกละ ก็ทำได้วันเดียว ไม่เอาลงมาละ ถามว่าทำไปทำไมเยอะๆ คนเรามีของดีในตัวเอาไปเก็บไว้มันอึดอัด เรายังมีแรง มีกำลังที่จะออกไปได้ เราก็ต้องออกมาทำ ถามจริงๆ ทำแล้วหิวไหมไม่ได้หิวหรอก อิ่มแต่ว่าขอให้ได้ทำ เงินต้องการไหม ลงทุนเนี่ย ขาดทุนไม่ได้ ต้องได้ทุนคืน กำไรมาก กำไรน้อยว่ากันไป แต่ทุกอย่างที่เจ้เล้งลงทุนจะได้กำไร เพราะเราไม่มีดอกเบี้ยที่ต้องจ่าย ช่วงโควิดปิดร้านเกือบ 20 วัน ลูกเข้ามาถึง แม่ถ้าเราจะปิดร้านแม่ทำใจได้ไหม บอกว่าทำไมอะ เราต้องปิดร้านเลยนะ เพราะเด็กเป็นโควิดกันเนี่ย ปิดก็ปิดสิ แม่ทำใจได้เหรอ ทำไมจะทำใจไม่ได้ รวยนะ ไม่ได้จน แม่ทนได้ไหม ก็ทนได้สิ ไม่ทนแล้วตาย คุ้มไหมละ
แต่จริงๆเจ้เล้งไม่ได้มีลูก?
เจ้เล้ง : ไม่มีลูก เป็นหลานลูกพี่ชายเอามาเลี้ยง จริงๆมี 4 แต่อีกคนไม่ได้สมบัติ เพราะว่าเขาไปเอาทางพ่อเขา ก็แยกกันไป เขาอยู่ฝั่งโน้น
อันนี้จริงไหมที่เจ้เล้งเขียนพินัยกรรมให้ทั้ง 3 คน เรียบร้อยแล้ว?
เจ้เล้ง : เรียบร้อยค่ะ ลูกเจ้เล้งจะดีอย่างนึงเป็นผู้หญิงหมด ตอนเลี้ยงเจ้เล้งไม่เอาลูกผู้ชายเลย เพราะเจ้เล้งรู้ว่าถ้ามีผู้หญิง ผู้ชาย มันก็จะกบฏกัน แต่บังเอิญลูกผู้ชายของเจ้เล้งเป็นเด็กดี คนโตเขาจะเป็นพี่ที่ดีของน้องหมด เขาแต่งงานไปแล้ว เจ้เล้งเวลาเลี้ยง ไม่ได้เลี้ยงเหมือนคนอื่น จะเอาเงินลูกเอาไปเลยก้อนนึง ไม่เคย เจ้เล้งให้เงินเดือนเท่านี้ ต้องไปบริหารกันเอง ไม่พอขอได้ไหม เขาไม่กล้ามาขอ เวลาไม่พอมันก็ไปหาพี่ใหญ่มัน ดูแลน้อง ลูกเขยก็ดีด้วย น้องทุกคนจะเกรงใจพี่คนโต แล้วพี่คนโตไม่เคยเอาเปรียบน้อง น้องขาดอะไรบอกพี่ได้หมด
ธุรกิจของเจ้เล้ง มีอพาร์ตเมนท์ 20 กว่าไร่ ตรงลาดกระบัง, สวนทุเรียนร้อยกว่าไร่ที่ระยอง, ทำหิน ทำกระเบื้อง, ทำพลาซ่าให้เช่า?
เจ้เล้ง : ตอนนี้กำลังจะทำบ้านพักคนชราอีก 100 ไร่ที่ลาดกระบัง เจ้เล้งจะทำไม่เหมือนคนอื่น คือเอาคนจนสัก 40 คน ต้องไม่เป็นโรค นิสัยดี ไม่มองคนรอบข้างเป็นศัตรู ก็เอาไปปลูกผัก ปลูกอะไรกินในที่เราก่อน ให้ทำนา หากินเองได้ในนั้น ทำจนคุณเก่ง เจ้เล้งก็จะสร้างบ้านพักคนชราขาย ขายเสร็จให้พวกนี้เป็นคนปลูกผัก ปลูกหญ้าขายคนแก่ที่อยู่ด้วยกัน คือจะไม่ทำทีเดียวเยอะ ๆ ค่อย ๆ ทำ ทำไปเรื่อย ๆ อาจจะมีน้ำประปาเอง อาจจะไม่ต้องอาศัยน้ำประปาของหลวงเลย เพราะบ้านเจ้เล้งอยู่ริมคลอง เนื้อที่ประมาณ 97 ไร่ ก็อยากจะทำ แต่อยากทำเป็นสวนก่อน สิ่งแรกก็ต้องทำสะพาน สร้างรั้วให้มิดชิดก็กำลังทำ
เรามีสมบัติเยอะขนาดนี้ เราไม่มีลูก มีแต่หลาน ๆ เคยกลัวไหมว่าเขาจะตีกันเรื่องสมบัติ?
เจ้เล้ง : ไม่หรอกค่ะ ที่เจ้เล้งเลี้ยงไว้ทุกคนเป็นเด็กที่มีคุณภาพชีวิต คือเป็นเด็กไม่โลภ ไม่เคยมาบอกแม่หนูอยากนั่นนี่ จะให้เขาบอกแม่เอาไว้ก่อนเถอะ เอามาทำไม คือเจ้เล้งจริงๆ อพาร์ตเมนท์เจ้เล้งลงชื่อเขาเลยส่วนนึง ให้ส่วนนึง ส่วนนึงก็ยังเป็นชื่อเจ้เล้ง ขณะนี้ค่าเช่าเจ้เล้งก็เก็บ เขาไม่เคยถามว่าแม่เมื่อไหร่จะให้หนู เจ้เล้งให้เงินเดือนให้เขาอยู่ได้ ลูกเจ้เล้งไม่เคยสอนให้เว่อร์ เขาอยู่ในกรอบที่เขาควรจะอยู่ ทั้ง 3 คนพี่น้องไม่เคยทะเลาะกันเลย
เคยไลฟ์ไปสวนทุเรียนมีคนเข้ามาดู 2-3 ล้านคน?
เจ้เล้ง : จริงๆ การดูสวนทุเรียน การทำธุรกิจแบบนี้ บางคนก็ด่าในไลฟ์ว่าแก่แล้ว มีเหรียญ 10 เหรียญเดียว จะทำไปทำไม บางคนก็ด่าว่ามึงจะได้ดูก่อนตายหรือเปล่าทุเรียนอะ พอพูดอย่างนั้นเราก็ยิ้ม ๆ บอกว่าได้ดูสิ ข้างๆต้นใหญ่ใช่ไหม เราก็ถามว่าขายไหม เขาขายเราก็ซื้อเลย คนขายก็งง เราก็บอกซื้อสิ ซื้อให้ fc ดูว่ายังไม่ทันตายกูได้ดู
เวลาโดนคนไม่รู้จักคอมเมนต์แย่ๆ เสียใจไหม?
เจ้เล้ง : ก็เสียใจนะคะ แต่คิดว่าเขาอาจจะมีความคิดกับเราคนละทาง เจ้เล้งด่าตอบไหม ไม่ด่าคะ ใครด่า ด่าไป แต่วันหลังเจ้เล้งไลฟ์เหน็บทีละนิดคืนหน่อย
ถ้าคนดูเยอะขนาดนี้ทำไมเจ้เล้งไม่ไลฟ์ขายของไปเลย?
เจ้เล้ง : ก็ขายค่ะ เวลาเจ้เล้งขายของจะไม่ทำแบบคนอื่นที่มาปุ้งปังๆ เราเป็นเจ้เล้ง เรามีร้านเราจริงๆ ของทุกอย่างที่จะขายต้องมั่นใจ จริงๆ เราไม่จำเป็นต้องเยอะมากขนาดนั้น เจ้เล้งขายได้กำไร 100 เจ้เล้งก็เหลือ 100 เพราะฉะนั้นเจ้เล้งเอาที่พอประมาณ เอาความจริงใจ ความมีคุณภาพของสินค้ามากกว่าที่จะขายปุ้งๆ
เห็นว่าเจ้เล้งมีกฎด้วยสำหรับการประสบความสำเร็จของตัวเอง?
เจ้เล้ง : การที่จะทำธุรกิจ 1. ต้องมีความจริงใจต่อผู้บริโภค เวลาพูด ของต้องมีคุณภาพ
ประโยคนี้เจ้เล้งเคยพูดไหม ของดีไม่ต้องแหกปาก?
เจ้เล้ง : จริงค่ะ ของดีไม่ต้องแหกปาก เอาคุณภาพตัวเราขาย
เจ้เล้งเป็นรุ่นพี่ในวงการขาย ที่ตามมาตอนนี้ก็พิมรี่พาย เจ้เล้งมีอะไรจะบอกพิมรี่พายหรือเด็กรุ่นใหม่ที่อยากประสบความสำเร็จเหมือนเจ้เล้งไหม?
เจ้เล้ง : จริง ๆ พิมรี่พายเขาเก่งอยู่แล้ว คือเดินทางคนละทางกัน ขายของก็คนละแบบกัน เจ้เล้งขายของแบบไปเรื่อยๆ สบายๆ เจ้เล้งไม่กล้าอธิบายที่มันเยอะหรือเกินความจริง ไม่กล้าทำอะไรที่จะมาตอบโจทย์ทีหลัง โจทย์แรกที่เจ้เล้งขายออกไปปุ๊บ คำตอบคือใช่ ไม่มีมาใช่ ไม่ใช่ ด่ากันไม่มี เวลาขายของไม่เคยโดนด่า เจ้เล้งไม่ได้รับโฆษณาให้ใคร ของที่เจ้เล้งขายส่วนมาก เอาเขามาแล้วเทสเอง เราก็จะได้ลูกค้าที่เป็นลูกค้าจริง ๆ ที่ซื้อต่อเนื่อง ไม่ได้ซื้อเพราะเจ้เล้งพูด ๆ ไปแล้วหาย ลูกค้าเจ้เล้งขายเป็นร้อยก็จะกลับมาอีกพัน ขายเป็ยพันก็จะกลับมาอีกหมื่นก็จะเป็นแบบนั้นมากกว่า ไม่ได้ทำให้มันดังๆ แล้วหายไป
จริงไหมที่คุณพิมรี่พายได้ติดต่อธุรกิจกับเจ้เล้งด้วย?
เจ้เล้ง : ก็เคย เลขาเขาโทร. มา แต่เราไม่ได้ขายกันเพราะว่าเจ้เล้งไม่มีสต็อกสินค้าที่จะขายเขาขนาดนั้น
เจ้เล้งเป็นคนมีองค์?
เจ้เล้ง : จริงๆเหมือนมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่ในตัวโดยที่เราไม่รู้ตัว เราก็ไม่สามารถที่จะเสาะหาท่านได้ แต่ทุกครั้งที่เรามีเรื่องทุกข์ใจหรือมีอะไร เราก็แค่ไปสวดมนต์ในห้องพระ แล้วจะมาเข้าฝัน สมัยก่อนเจ้เล้งขายของหนีภาษี เจ้เล้งไม่เคยจ่ายส่วย ไม่เคยจ่ายเงินใครเลย พอจะมีโดนจับ คืนนี้ตี 3-4 กำลังมึน ๆ หลับ มาเข้าฝัน เก็บของเดี๋ยวนี้ เดี๋ยวจะมีคนมาตรวจ เราก็ลุกขึ้นมาปลุกเด็กทั้งบ้านเก็บของ ตอนเช้ามีมายืนหน้าบ้านเต็มเลย
องค์ที่อยู่กับเจ้เล้งคือองค์ไหน?
เจ้เล้ง : จริงๆ เจ้เล้งไม่ชอบไปวัด ชอบสวดมนต์ที่บ้าน วันนึงพระพิฆเนศหน้าบ้านหาย เขาบอกต้องไปเช่าใหม่ เราก็ถามต้องไปเช่าที่ไหน นั่นไงวัดแขก เราก็ไปเลย คือที่เราเห็นแบบนี้เลย แต่งตัวแบบนี้ แต่งตัวดำ ๆ ก็เป็นเหมือนพราหมณ์ จริงๆเคยครั้งนึงนั่งวิปัสสนาครั้งแรกเลย แต่งงานมีครอบครัวแล้วไม่ค่อยสบายใจ ก็ตัดสินใจว่าจะทำไงดีลองหาความสงบด้วยการนั่งวิปัสสนาในห้องนอน นั่งปั๊บมีความรู้สึกว่าตัวเองลอยขึ้นลอยลง เหมือนคนที่เบาไปหมด สักพักมีคนมาจูง มีพราหมณ์ไปนั่งสมเด็จพระสังกะจายกลางทุ่งนาใหญ่ถามมาทำไม อยากรวยค่ะ กลับไปเอ็งจะรวย แล้วจิตก็กลับมาเลย แล้วตั้งแต่วันนั้นก็มีองค์นั้นอยู่ในตัวตลอด
องค์นี้เป็นคนที่บอกให้เจ้เล้งซื้ออาณาจักรไว้เลยไหม?
เจ้เล้ง : ค่ะ เขาจะบอกทุกครั้ง อย่างร้านเจ้เล้งที่ขายอยู่ปัจจุบัน ก่อนจะมาซื้อตรงนี้ เขาบอกมังกรเปลี่ยนหัวแล้วนะ มีที่ใหม่กำลังจะทำไปทำเลย ตรงนี้จะได้เงินมหาศาล ก็จริง ๆ เงินนี่ไหลมาเทมาแบบเก็บไม่ทัน อันที่สองอพาร์ตเมนท์นี่วันนั้นสนามบินย้ายไปใหม่ ๆ เราก็แบบจากรถเคยติดมาก ๆ มันโล่งไปหมดเลย ไปยืนมองน้ำตาไหล ทำไมอยู่ ๆ มันเปลี่ยนได้ไวขนาดนี้ แล้วใจไม่ค่อยดี มาสวดมนต์ไหว้พระ แล้วกลางคืนนอนสักระยะนึง วันนี้จะมีคนมาหาช่วงบ่าย ๆ เขาจะเอาที่มาขาย ซื้อเขาไว้นะ ฝันก็ลืมไปเหมือนมีคนมาพูดข้างหู
พอตอนบ่ายก็ลงมาขายของข้างล่าง เอ้า...พี่ไปไหนมา ที่พี่สู้คดีกันพี่แพ้ไหม หรือพี่ชนะ ชนะแต่ที่กำลังโดนยึด เพราะไม่มีเงิน แล้วขายเท่าไหร่ 7 ปีที่สู้คดีกันยังขายเท่านั้นไหม เขาบอกขาย พี่ก็เลยไปดูแล้วให้ทนายไปเช็กว่าคดีจบกันจริงไหม จบจริง ตอนนั้นเจ้เล้งก็ซื้อเขามา 100 กว่าล้าน เขาบอกเขามีอพาร์ตเมนท์อยู่ที่เอราวัณ ทัช เป็นหนี้เขาอีก 80 ล้าน ขายยังไง เท่าไหร่ หมดนี่ขายฉันเท่านี้ไหมละ เพิ่มเงินให้หน่อยก่อสร้างให้เสร็จ แล้วต้องไปโอนจากเอราวัณ ทัช มาให้เจ้เล้งเขาก็โอนมาให้ ซื้อเขามาตรงนั้นน่าจะ 117 ล้าน ทั้งหมด 7 แห่ง ก็เอามาลองทำดู
แรกๆไม่ค่อยได้ไปดู ทำไมเป็นแบบนี้ก็วางแผนใหม่ จริงๆตรงนั้นทำ 5 ปีก็ได้ทุนคืน มันเป็นธุรกิจที่ไม่ต้องใช้สมอง ไม่ต้องไปแย่งชิงกับใคร ต่อไปธุรกิจทุกคนที่ทำจะลำบาก เพราะโลกมันเปลี่ยนเร็ว ถามว่าออนไลน์ดีไหม ขายออนไลน์ดี แต่ต้องเป็นคนที่เก่งจริง ๆ คนที่ไม่เก่งจริงคือชกชิงได้มาปั๊บก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ เราก็ไม่ใช่แบบนั้น เราค่อนข้างจริงจังกับการทำธุรกิจ วันนั้นทำอยู่ 7 แห่ง มีคนบอกว่าตรงนี้เขาจะขาย เราก็เลยเรียกมาคุย ไปๆมาๆ เขาขายให้ 190 ล้าน เจ้เล้งก็ซื้อเลย ซื้อเก็บไว้สัก 2 ปี 20 ไร่ เราก็คิดว่านิดเดียว เพราะเราทำทีละตึก ทั้งหมด 46 ตึก แต่เรายังไม่ได้สร้างหมด เราสร้างตึกแรกก่อน สร้างเสร็จคนเช่าเต็มเลย งั้นทำอีก 5 ตึก คนก็เช่าเต็ม ก็เพิ่มไปเรื่อย ๆ ตอนนี้เป็น 28 ตึก
ตอนที่เจ้เล้งเอาเงิน 700 ล้านให้อดีตสามี พราหมณ์ท่านนี้เป็นคนบอกให้เลิกไหม?
เจ้เล้ง : ตอนกลางคืนคืนนึง ตอนที่วีดๆ อยู่ ก็มาเข้าฝันว่า ทำไมไม่เลิกละ อยู่ด้วยกันมันก็เหมือนไฟดวงนึงที่ไม่รู้วันไหนจะระเบิด เขาก็จะระเบิดทุกวันไม่เบื่อเหรอ เงินที่มี ทรัพย์สินที่มีเยอะแยะ โฉนดเป็นตู้เซฟใหญ่ ๆ เนี่ย ถามจริง ๆ เคยหยิบมาดูบ้างไหม มันก็เหมือนกระดาษวอลเปเปอร์ที่ติดข้างฝาใช่หรือเปล่า เคยหยิบเงินออกมานับไหมว่าเขาเอาไปเท่าไหร่แล้ว เคยดูโฉนดไหมยังมีครบหรือเปล่า จะเก็บไว้ทำไม ตัดสินใจให้เขาไปซะ ในชีวิตบั้นปลายเราไม่มีไฟ เราไม่มีความร้อนอยู่ในตัวเรา เราจะไม่มีความสุขกันเหรอ โกยไว้ทำไมเยอะๆ
ถ้าเลิกแล้วจะดีกว่าตอนที่อยู่เยอะเลย ชีวิตบั้นปลายจะมีความสุขมาก ๆ ให้ตัดสินใจเอาว่าจะเอาวอลเปเปอร์หรือจะเอาความสุขกับตัวเอง ท่านพูดยาวเลยนะคะ พอตื่นขึ้นมาก็เรียกลูกสาวคนโตมาว่ามันอยากได้อะไร สิ่งที่เราให้มันได้ อันไหนที่ไม่ให้ก็ไม่ให้ ตอนที่จะหย่ากันเขาก็ไปอิงนักการเมือง ให้นักการเมืองมาข่มขู่เจ้เล้งว่าถ้าไม่เลิก จะไม่เหลืออะไรเลย บอกก็ให้มันรู้ไปถ้าเป็นคดีความแล้วมันไม่เหลืออะไร มันเอาเจ้เล้งได้ขนาดนั้น ลองดูสิก็เราไม่ได้ผิดอะไร เสร็จแล้วคนนั้นจะเอาที่ดินตรงลาดกระบัง เจ้เล้งยังมีอีก 14 ไร่ครึ่งตรงนี้
จริงๆ มีคนมาขอซื้อ 600 ล้าน อดีตสามีบอกถ้าชนะเขาจะขอที่ดินอันนี้ มีคนบอกเจ้เล้งมีคนไปรางวัด เราก็ไปทำไม ก็งงๆ ปรากฏว่าพอมาดูๆ อพาร์ตเมนท์ 9 แห่งให้ บ้านอีกตั้งหลายหลังให้ แต่ที่ดินอันนี้ไม่ให้ ถ้าจะเอาที่ดินอันนี้ก็สู้คดีกันแล้วกัน ดูสิใครจะได้ มันก็ยอมถอย พอยอมถอยอยากได้อะไรบอกมาสิ่งที่ให้ได้ เอาที่บนเขาค้อ ที่อยุธยาหลายสิบไร่ เอาที่เชียงใหม่ เอาตึกแถว เอาอพาร์ตเมนท์ 9 แห่ง โอเคให้มันไป แล้วเงินสดตอนแรกจะเอา 600 ให้ 300 แล้วก็จบ รวมทรัพย์สินก็ประมาณ 700 กว่า ที่เอาไปก่อนหน้านั้นอีกไม่รู้เท่าไหร่
ถ้าเกิดพราหมณ์ท่านนั้นไม่ได้มาบอกเราเรื่องนี้ ?
เจ้เล้ง : ก็สู้กันไป แต่ท่านพูดว่าสู้กันไป ถ้าชนะแล้วจะเอาเขาอีกเหรอ เออ...ก็จริงของเขา เราก็เลยจบก็จบ
มีความเสียดายอะไรบ้างไหมจากที่ใช้ชีวิตอยู่กันมากว่า 40 ปี?
เจ้เล้ง : ความเสียดายมันไม่เหลือเยื้อใยตรงที่ว่าเท่าที่เราอยู่ด้วยกัน 40 ปี เขาไม่มีความดีที่จะให้เรามาทบทวนได้เลย มีอยู่วันนึงเจ้เล้งมีของเก็บไว้บ้านนี้เป็นของหนีภาษี มีคนไปด้อมๆมองๆ เราก็กลัว ทุกทีเราเป็นคนทำเองหมด เขาทุ่มนึงนอน เรานอนตี 3-4 พอ 7 โมงเช้าเราตื่น ใช้เขาไปขับรถไปขนของหน่อย ไม่กล้าไป เพราะคนมองเห็นเรานี่มันตัวเต็งเลย
ก็ให้เขาไปทำ กลับมาบ้านมาทะเลาะ รู้ไหม ให้กูขับรถ ขับไปร้องไห้ไป เรียนมาขนาดนี้ต้องมาขับรถขนของหนีภาษีให้ เราก็ เอ้า...แล้วชีวิตที่มึงอยู่ทุกวันนี้ เงินที่มึงใช้ก็เงิน... ที่หานี่แหละ ไม่อายบ้างเหรอ ใช้เงิน... อย่างนี้ กล้าพูดนะ เจ้เล้งก็ด่าอย่างนี้เลย ไม่รู้สึกเสียใจเลยที่ต้องทำงานนี้ แต่รู้สึกเสียใจที่ต้องเลี้ยงคน.. ไว้ในบ้าน
แล้วแบบนี้พราหมณ์ได้บอกเรื่องอนาคตไหมว่าต้องไปอย่างนี้ๆ?
เจ้เล้ง : มีค่ะ คือองค์เจ้เล้งดีอย่างนึงคือเจ้เล้งไม่สามารถติดต่อท่านได้เลย แต่ท่านจะมาเป็นระยะๆ ทำนี่เสร็จแล้ว มีที่อยู่ระยอง ทำไมไม่ทำสวนทุเรียนละ ไปทำดูสิ จริงให้เจ้เล้งไปขุดดินยังทำไม่เป็นเลย เราก็อ่านหนังสือ แล้วดูเอา สอนเขามั้ง เขาสอนเรามั้ง มันก็สนุก พอขายๆ ที่ก็ซื้อๆ ซื้อจนเต็มตรงนั้นมันไม่มีทางขยายโอเคพอแค่นี้
ขอบคุณ รายการคุยแซ่บshow