จากกรณี ที่เรียกได้ว่าเป็นปฏิบัติการที่สั่นสะเทือนวงการสงฆ์ทันที เมื่อตำรวจในสังกัดสอบสวนกลางกว่า 60 นาย บุกตรวจค้นและจับกุมพระสิทธิวรนายก หรือ “เจ้าคุณแจ๊ค” เจ้าอาวาสวัดเขาทุเรียน ต.เขาพระ อ.เมือง จ.นครนายก และรองเจ้าคณะจังหวัดนครนายก หลังพบว่าเข้าไปพัวพันคดีทุจริต “เงินทอนวัด” เฟส 4 ภายใต้ชื่อปฏิบัติการ “ล้างบาปปราบอลัชชี ทุจริตเงินทอนวัด” นั้น
นอกจากการสืบสวนเส้นทางการเงิน ในขบวนการทุจริต “เงินทอนวัด” แล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่ชวนตกใจอย่างมาก ระหว่างเจ้าหน้าที่บุกเข้าตรวจค้นกุฏิของ “เจ้าคุณแจ็ค” คงจะเป็นบรรดาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทั้งยี่ห้อไทยและเทศ ถูกเก็บไว้ตามจุดต่างๆ เช่น ตามตู้เย็น และตู้เก็บของ
รวมถึงมีการตรวจพบ “ถุงยางอนามัย” ที่ยังไม่ได้ใช้งาน ถูกเก็บซ่อนอยู่บนหัวเตียงนอน ซึ่งทาง "เจ้าคุณแจ๊ค" อ้างว่าเป็นเหล้าแก้บนที่เก็บไว้นานแล้ว ส่วนถุงยางเป็นของลูกศิษย์ที่นำมาทิ้งไว้??
ขณะที่ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก.แถลงข่าวว่า คดีนี้มีเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ ร่วมกับฝ่ายพระสงฆ์ และเจ้าอาวาสวัดต่างๆ ในพื้นที่ ร่วมกันทุจริตเงินทอนวัด ทำให้เสียหายมากกว่า 110 ล้านบาท พบพฤติกรรมของ “พระสิทธิวรนายก” และพรรคพวก ก่อเหตุในห้วงปี 2554-2559 โดยร่วมกันทุจริตขบวนการเดียวกับนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ อดีต ผอ.พศ.ที่อยู่ระหว่างหนีในประเทศสหรัฐ
สำหรับ “พระสิทธิวรนายก” (ประเชิญ ปสนฺนชวนจิตฺโต) หรือ “เจ้าคุณแจ๊ค” เกิดเมื่อวันที่ 6 ก.ค.2509 ปัจจุบันอายุ 55 ปี จบการศึกษา ระดับนักธรรมชั้นเอก สังกัดมหานิกาย มีชื่อเดิมว่า “พระครูสิทธิคีรีรักษ์” ก่อนจะมีราชกิจจานุเบกษา ประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี เมื่อเดือน ก.ย.2557
ซึ่งเป็นเรื่องพระราชทานสัญญาบัตร ตั้งสมณศักดิ์ ทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานสัญญาบัตรตั้งสมณศักดิ์ ในโอกาสพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา วันที่ 5 ธ.ค.2556 ได้เป็นพระราชาคณะมีนามว่า “พระสิทธิวรนายก” ก่อนจะถูกจับคดี “เงินทอนวัด” พร้อมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และถุงยางอนามันเกลื่อนเต็มกุฏิ
สำหรับคดีเงินทอนวัดนั้น เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2558 ซึ่งได้มีการจับกุมอดีต ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ โดยการจับกุมครั้งนั้นได้มีการขยายผลไปทั่วประเทศ ซึ่งในวันนี้พบมีคดีใน ป.ป.ช. 108 คดี ชี้มูลความผิดแล้ว 42 คดี รวมถึงคดีนี้ด้วย และทำการส่งต่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินคดีต่อ
โดยกรณีดังกล่าว พบทรัพย์สินที่มีการซื้อที่ดินและการใช้ในส่วนอื่นมูลค่า 110 ล้านบาท และภาพรวมความเสียหายเกิดขึ้นเยอะมาก โดยถือว่าเป็นสิ่งที่ร่วมมือกัน
นอกจากนี้จากการชี้แจงโดย เจ้าคุณแจ๊ค ก็ได้ออกมาเปิดเผยว่า สนิทสนมกับนายนพรัตน์ และนายนพรัตน์ไว้วางใจให้เจ้าคุณแจ๊คประสานวัดต่างๆ ในการรับมอบเงินอุดหนุน รวมทั้งการเจรจาเสนอเงินคืนต่อนายนพรัตน์ สำหรับประเด็นการซื้อที่ดินนั้น เจ้าคุณแจ๊ค ระบุว่า ไม่คิดว่าเป็นความผิด แต่ยอมรับว่าเงินทั้งหมดเป็นผู้ดำเนินการยักย้ายถ่ายเทมาซื้อที่ดิน และไม่สามารถชี้แจงได้ว่าเงิน 110 ล้าน ขณะนี้นำไปใช้กับส่วนใดบ้างแล้ว