จากกรณี "หมอธีระ" รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกมาโพสต์ข้อความ ถึงสาเหตุหลักของการระบาดโรค โควิด-19 ได้ออกมาโพสต์ข้อความดังนี้
...ไทยเรา...
ยอดติดเชื้อใหม่เมื่อวานนี้ หากรวม ATK จะอยู่ที่อันดับ 12 ของโลก และอันดับ 6 ของเอเชีย
อัตราติดเชื้อใหม่รายสัปดาห์ "เพิ่มขึ้น" 27% ตาย"เพิ่มขึ้น" 29% โดยที่ค่าเฉลี่ยของโลกนั้น ติดเชื้อใหม่"ลดลง" 21% ตาย"ลดลง" 10% และของทวีปเอเชีย ติดเชื้อใหม่"ลดลง" 7% ตาย"ลดลง" 11%
...โควิด-19 กับเรื่อง Long COVID
ด้วยจำนวนเคสที่มากขึ้นราวเกือบสามหมื่นคนต่อวันเช่นนี้ (รวม ATK) จะใช้เวลาเพียง 1 เดือน ไทยเราจะมีเคสติดเชื้อเพิ่มขึ้นเกือบ 1,000,000 คน หากไม่มีนโยบายควบคุมป้องกันโรคที่มีประสิทธิภาพเพียงพอที่จะยับยั้งการติดเชื้อแพร่เชื้อ
ในระยะยาว อาจมีผู้ป่วยที่ประสบปัญหาภาวะอาการคงค้างระยะยาว หรือ Long COVID จำนวนมากที่ต้องการระบบบริการดูแลรักษา ฟื้นฟูสภาพ และให้คำปรึกษา เพราะจะส่งผลกระทบต่อสมรรถนะในการดำรงชีวิตประจำวัน ทั้งชีวิตส่วนตัว ชีวิตครอบครัว และชีวิตการทำงาน
สิ่งที่จะเกิดขึ้นมิได้เกิดเฉพาะด้านร่างกาย อาทิ ความคิดความจำ หัวใจและหลอดเลือด ทางเดินอาหาร ต่อมไร้ท่อ ผิวหนัง เท่านั้น แต่ยังเกิดต่อภาวะจิตใจ ทั้งเรื่องเครียด ซึมเศร้า นอนไม่หลับ ปัญหาการควบคุมอารมณ์ และอื่นๆ
ภายใต้การดำเนินนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยการระบาดยังเป็นไปอย่างรุนแรงเช่นนี้ คำถามที่ควรใคร่ครวญให้ดีคือ เม็ดเงินที่ได้มาจะคุ้มค่ากับผลกระทบทางเศรษฐกิจระยะยาวที่เกิดจากการสูญเสียสุขภาพกายและใจของประชาชน รวมถึงการสูญเสียสมรรถนะการทำงานอันมีผลต่อผลิตภาพโดยรวม และค่าใช้จ่ายที่บุคคล ครอบครัว และสังคมต้องแบกรับในอนาคตหรือไม่
การทำ Cost benefit analysis เพื่อนำข้อมูลการประเมินความคุ้มค่าเมื่อเทียบกันเป็นเม็ดเงินเข้ามาสู่สมการความคิดในการตัดสินใจทิศทางนโยบายของประเทศน่าจะเป็นสิ่งที่ควรทำ
เหนืออื่นใด สิ่งที่ต้องทำ และรอไม่ได้คือ การจัดระบบบริการดูแลรักษา ฟื้นฟู และให้คำปรึกษาเรื่อง Long COVID ทั้งในระบบบริการสาธารณสุข รวมถึงสถานที่ทำงานต่างๆ
นอกจากนี้คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะหากรอหน่วยงานรัฐดำเนินการอย่างเดียวคงไม่พอ ทางภาคประชาสังคม รวมถึงกลุ่มคนที่เคยติดเชื้อและมีปัญหา Long COVID อาจต้องรวมกลุ่มกัน เป็น Self help group/network เพื่อช่วยเหลือ ประคับประคอง และดำเนินการเป็นกลไกทางสังคมที่จะเชื่อมต่อกับกลไกรัฐ เพื่อพัฒนาระบบบริการข้างต้นให้ตรงกับความต้องการ และมีประสิทธิภาพ เฉกเช่นเดียวกับกระบวนการทางสังคมที่เราเคยทำมาในเรื่อง HIV/AIDS ที่ทำให้งานควบคุมป้องกันและดูแลมีประสิทธิภาพตั้งแต่อดีตที่ผ่านมา
การระบาดของไทยยังรุนแรง ขอให้ป้องกันตัวอย่างเป็นกิจวัตร
18,883
ATK 15,010
รวม 33,893...(สูงสุดเท่าที่เคยระบาดมา)
อัตราการตรวจพบผลบวก 19.01% (19/2/2022)
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป ปอดอักเสบเพิ่มขึ้นจาก 687 คน เป็น 796 คน เพิ่มขึ้น 15.86%
ใส่ท่อช่วยหายใจเพิ่มจาก 138 คน เป็น 202 คน เพิ่มขึ้น 46.37%
...................................................................
กรุงเทพฯ 2,761 (เดิม 2,755)
อัตราการตรวจพบผลบวก 37.17% (เดิม 37.19%)
นนทบุรี 852 (เดิม 762)
อัตราการตรวจพบผลบวก 32.4% (19/2/2022)
จำนวนติดเชื้อใหม่วันนี้ รวม ATK สูงสุดเท่าที่เคยระบาดมา
สูงกว่าวันจันทร์สัปดาห์ก่อน 50%
และสูงกว่าสองสัปดาห์ก่อน 126%