จากกรณีการสูญเสียนักแสดงสาวชื่อดัง แตงโม นิดา พลัดตกเรือสปีดโบ๊ท กลางแม่น้ำเจ้าพระยา ช่วงเวลาประมาณ 23.00 น. ของวันที่ 24 ก.พ.2564 ที่ผ่านมา บริเวณท่าเรือพิบูลสงคราม1 ใกล้สะพานพระราม 7 จ.นนทบุรี หลังจากที่ทำการค้นหานานกว่า 30 ชั่วโมง พบร่าง แตงโม นิดา แต่ที่น่าสงสัยคือพฤติกรรมของคนบนเรืออีก 5 คนที่เหลือ ทั้งการหนีกลับบ้านก่อน และไม่ยอมให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ทั้งกู้ภัยและตำรวจ ซึ่งภายหลังอ้างว่าต้องเตรียมตัวตอบคำถาม และยังมีการที่ก่อนมาพบตำรวจเพื่อให้ปากคำได้มีการติดต่อปรึกษาทนายความก่อน และยังพบรอยแผลฟกช้ำต่างๆตามร่างกาย
สังคมตั้งคำถาม คดีนี้เป็นอุบัติเหตุจริงหรือไม่ เหตุใดคนบนเรือต้องโกหก และคำพูดสำคัญจากเจ้าหน้าที่ที่ทำให้คิดได้ว่าคดีนี้อาจมี "ผู้มีอำนาจ" ยื่นมือช่วยเหลือ เพราะประวัติคนบนเรือแต่ละคนไม่ธรรมดา
เริ่มจาก กระติก อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ ผู้จัดการส่วนตัวของแตงโม , แซน วิศาพัช มโนมัยรัตน์ ที่ร่วมนั่งเรือไปด้วย ที่มีการเปิดวาร์ปบ้านใหญ่โตราวคฤหาสน์ , โรเบิร์ต ไพบูลย์ ตรีกาญจนานันท์ นักธุรกิจด้านการสื่อสารออนไลน์มีความรู้ด้านไอทีระดับหัวกะทิ , ปอ ตนุภัทร เลิศทวีวิทย์ เจ้าของเรือ สามีของ "เบนซ์ พริกไทย" และ จ๊อบ นิทัศน์ กีรติสุทธิสาธร หนึ่งในหุ้นส่วนร้าน BlackAmber - The Modern Classic Gentlemen Lifestyle ร้านตัดผมชื่อดัง
ทั้ง 5 คนและแตงโมรวมเป็น 6 คน ได้นัดกินข้าวที่ร้านอาหารริมแม่น้ำเจ้าพระยาก่อนพากันล่องเรือสปีดโบ๊ทเพื่อชมวิวถ่ายรูปเล่นเมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2565 ที่ผ่านมา จากนั้นเวลาประมาณ 22.40 น. ได้เกิดเหตุแตงโม ภัทรธิดา ตกเรือสปีดโบ๊ท กระทั่งพบร่างในช่วงบ่ายวันที่ 26 ก.พ. 2565 และจนวันนี้ (3 มี.ค. 2565) เรื่องนี้ก็ยังไม่ได้ข้อสรุปและยังพบพิรุธในคดีแตงโมเป็นจำนวนมาก โดยทางเว็บไซต์ "ผู้จัดการออนไลน์" ได้รวบรวมพิรุธทั้งหมดในคดีแตงโม ณ ปัจจุบัน ได้มากถึง 47 ข้อดังต่อไปนี้
1.แตงโมบอกแม่ (นางพนิดา ศิริยุทธโยธิน) ว่าจะไปถ่ายแบบ... แต่กระติกบอกแตงโมนัดกินข้าวกับเพื่อน
2.แตงโมรีบบินกลับจากภูเก็ตมากรุงเทพฯ ... ถ้านัดกินข้าวกับกระติกที่เจอกันแทบทุกวันคงไม่น่าลงทุนขนาดนั้น
3.ล่าสุด แม่บอกรู้มาว่าเป็นการ "รับงานกินข้าว" ซึ่งเรื่องนี้แตงโมคงไม่รู้มาก่อน
-"แทค ภรัณยู" โพสต์ทันที หลัง "เชียร์ ฑิฆัมพร" ถามแทนคนไทย เจ็บ จ่าย แล้วจบ
-ทนายตั้ม เอ่ยชื่อชัดๆบุคคลที่ 3 ที่มีโอกาสโดนข้อหา "คดีแตงโม"
-ตร.แถลงเเล้ว "คดีเเตงโม นิดา พลัดตกน้ำ" คนขับเรือคือใคร
4.หลังจากแตงโมตกเรือ เพื่อนวนหาเองครึ่งชั่วโมง ก่อนแจ้งกู้ภัย ... ทั้งที่ระหว่างวนหาก็สามารถโทร.แจ้งกู้ภัยได้
5.พอกู้ภัยมาเพื่อนไม่ให้ข้อมูลว่าเหตุการณ์ตอนตกเป็นอย่างไร พอถามว่าตกตรงไหน เพื่อน 3 คน ชี้กันไปคนละทิศละทาง
6.เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจมา เพื่อนๆ ก็ไม่ให้ข้อมูล แค่เขียนชื่อของแตงโมใส่กระดาษยื่นให้ตำรวจเท่านั้น
7.เพื่อนให้สัมภาษณ์ว่ากู้ภัยมาช้า จึงช่วยไม่ทัน...ทั้งที่จริงๆ ที่การตามหาล่าช้าเพราะเพื่อนแจ้งกู้ภัยช้า และไม่ให้ข้อมูล
8.พอกู้ภัยและตำรวจมา ทั้ง 5 คนก็พากันหายไปหมด ...ทั้งที่ปกติถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ คนบนเรือจะอยู่รอและช่วยค้นหาผู้สูญหาย
9.กระติกบอกว่า รีบกลับออกไปเพราะคิดถึงลูก รีบกลับไปหาลูก... แต่ภาพในกล้องวงจรปิดที่ท่าเรือพบว่า ฮิปโปและโบว์ (ไทรอัมส์คิงดอม) ซึ่งเป็นพี่น้องกับ เบนซ์ พริกไทย แฟนของไฮโซปอ หนึ่งในผู้ชายที่นั่งเรือไปด้วยมารับออกไป ...ไม่รู้ไปไหน แต่กล้องวงจรปิดตามถนนน่าจะตามได้
10.กระติกบอกคิดว่ากลับไปบ้านแล้วอาจเจอแตงโม ซึ่งขึ้นเรือคนอื่นได้และกลับมาที่บ้าน... แตงโมตกน้ำตอน 4 ทุ่มกว่า ดึกขนาดนั้นไม่น่าจะมีเรือผ่านมาช่วยแตงโม
11.กระติก ไม่โทร.บอกแม่ของแตงโมว่าแตงโมตกน้ำ โดยอ้างว่าเพราะไม่สนิทกับแม่ และแม่ไม่มีชุดประดาน้ำคงช่วยอะไรไม่ได้ …แต่แม่ของแตงโมบอกว่าหลังพ่อโมเสียชีวิต แม่ไปทำงานกับแตงโมตลอด ซึ่งต้องเจอกระติกอยู่ แล้ว ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่กระติกจะไม่สนิทกับแม่ และถึงแม้จะทำอะไรไม่ได้แต่ในฐานะที่เป็นแม่ของแตงโมก็ควรต้องบอก
12.กระติกบอกว่าเพื่อนตายยังไม่มีเวลาร้องไห้ เพราะต้องเตรียมข้อมูลมาตอบคำถาม...ทำให้สังคมเคลือบแคลงว่าทำไมต้องเตรียมข้อมูล ก็แค่เล่าไปตามความจริง
13.หลังจากแตงโมเสียชีวิต IG ของเธอก็ยังมีการเคลื่อนไหว โดยมีรูปใน IG ถูกลบไป 7 รูป ...จึงเกิดคำถามว่าใครเป็นคนลบ ซึ่งคนที่ลบต้องรู้พาสเวิร์ดของแตงโม และโดยปกติแล้วผู้จัดการดารามักจะรู้พาสเวิร์ด IG และ facebook ของดาราที่ตนเองดูแลเพราะต้องช่วยดูแลภาพลักษณ์ในการสื่อสาร ช่วยอัปรูป ช่วยตอบคอมเมนต์แฟนคลับแทนดารา รวมถึงหากมีคอมเมนต์ที่ไม่เหมาะสมเข้ามาก็จะได้ช่วยคัดกรองได้ แต่กระติกปฏิเสธว่าเธอไม่รู้พาสเวิร์ดของแตงโม
14.แซนบอกว่าตอนเกิดเหตุตัวเองนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ท้ายเรือ แต่พอนักข่าวถามว่าหลังเกิดเหตุทำไมหายไป แซนบอกว่าตนไม่เล่นโซเชียล เลยไม่รู้ข่าว... ซึ่งเป็นคำตอบที่ผิดปกติมาก เพราะตอนอยู่บนเรือแซนยังเล่นโซเชียลอยู่ อีกทั้งเรื่องใหญ่ขนาดนี้ เป็นไปได้หรือที่คนที่อยู่ในเหตุการณ์จะไม่ตามข่าว
15.ทั้ง 5 คนที่อยู่ในเหตุการณ์การเสียชีวิตของแตงโมไม่ไปให้ปากคำต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจตามนัด แต่กลับนัดพบทนาย คือ "นายษิทรา เบี้ยบังเกิด" เพื่อหารือถึงการให้ปากคำหรือตอบคำถามในคดีดังกล่าว แต่ "ทนายตั้ม" ปฏิเสธไม่รับเป็นที่ปรึกษา ... ทำให้สังคมอดสงสัยไม่ได้ว่าถ้าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุ ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ก็แค่ให้ปากคำไปตามความจริง ทำไมต้องปรึกษาทนาย
16.ตอนแรกกลุ่มนี้บอกว่าแตงโมพลัดตกเรือ แต่ไม่รู้แตงโมตกเรือตอนไหน ไม่มีใครเห็น แต่ภายหลังกลับบอกว่าแซนเห็นแตงโมไปปัสสาวะที่ท้ายเรือและพลัดตกลงไป...ทำไมจึงพูดไม่ตรงกัน
17.หลังจากแตงโมตกน้ำผู้ที่เห็นเหตุการณ์และคนที่อยู่บนเรือทำไมไม่โยนชูชีพให้แตงโมใช้พยุงตัว จึงดูเหมือนว่าไม่มีใครพยายามให้ความช่วยเหลือ
18.หลังมีข่าวว่าแตงโมตกเรือ คืนนั้น "แอนนา ทีวีพูล" เพื่อนสนิทของแตงโม และกระติก โทรถามกระติก ซึ่งกระติกบอกว่าเรื่องจริง แต่ไม่ยอมให้ข้อมูลอะไร พร้อมทั้งบอกกับแอนนา ว่าไม่ต้องเดินทางไปที่เกิดเหตุ... ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าเป็นเรื่องผิดปกติสำหรับคนที่เป็นเพื่อนสนิทกัน
19. ล่าสุดคนที่อยู่บนเรือให้สัมภาษณ์ว่าที่ปิดข่าวเพราะแตงโมไปปัสสาวะท้ายเรือ ถ้าข่าวออกไปจะเสียภาพลักษณ์ ...ทำให้สังคมตั้งข้อสังเกตว่าในสถานการณ์ความเป็นความตายเช่นนั้นชีวิตคนกับภาพลักษณ์อะไรสำคัญกว่า
20.แซนให้สัมภาษณ์ว่าแตงโมบอกแซนว่า "กูจะไปฉี่" ...แต่แตงโม่ได้รู้จักแซนมาก่อน จะกล้าพูดมึงพูดกูหรือ
21.แซนบอกว่าตอนนั่งฉี่ท้ายเรือแตงโมจับขา 2 ข้างของตนเองไว้... ตอนพบศพแตงโมใส่บอดี้สูท นุ่งกระโปรงทับ แล้วพันทับด้วยเสื้อคลุมอีกที ถามว่าถ้าตอนฉี่แตงโมเอา 2 มือจับขาแซน แล้วแตงโมเอามือที่ไหนถลกกระโปรง เอามือมือที่ไหนแหวกกางเกงบอดี้สูท และเป็นไปไม่ได้ที่มือหนึ่งจะจับขาแซน และอีกมือแหวกกางเกง เพราะต้องถลกกระโปรงไปด้วย
22.“แยม-ฐปณีย์ เอียดศรีไชย” ผู้สื่อข่าวและผู้ก่อตั้งสำนักข่าวเดอะรีพอร์ตเตอร์ ได้ทดลองนั่งเรือสปีดโบ๊ตที่ขับเร็ว (ตามที่คนในเรือบอกว่าแตงโมตกน้ำเพราะแล่นเร็ว) และพยายามจะไปนั่งยองๆ ท้ายเรือ ปรากฏว่าไม่สามารถทำได้เพราะเรือโคลงมาก อีกทั้งมีลมแรง แค่นั่งที่ขอบเรือเฉยๆ ยังทรงตัวยาก... ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่แตงโมจะนั่งปัสสาวะท้ายเรือ
23.เป็นไปไม่ได้ที่ดาราห่วงสวยแบบแตงโมจะนั่งปัสสาวะ ขณะที่มีผู้ชายแปลกหน้า 3 คนอยู่ด้วยกันในเรือลำเล็กๆ
24.ตอนแรกเจ้าของเรือบอกแตงโมไปปัสสาวะท้ายเรือเพราะห้องน้ำเสีย แต่ล่าสุดที่มาออกโหนกระแสบอกเพราะมีของอยู่ในห้องน้ำ ... ทำให้มีคนตั้งข้อสังเกตว่า ห้องน้ำเสียคืออาการที่กดชักโครกไม่ลง ทำไมจะปัสสาวะไม่ได้ แค่ขับถ่ายแล้วไม่ต้องกดชักโครก ขณะที่บางคนบอกว่าห้องน้ำในเรือคือการขับถ่ายลงน้ำ ไม่ต้องกดชักโครกเหมือนห้องน้ำปกติ หรือถ้ามีของในห้องน้ำก็แค่เอาของออก จะไปนั่งปัสสาวะท้ายเรือให้อายผู้คนทำไม
25.ถ้าแตงโมจะปัสสาวะจริงๆ โดยไม่ใช้ห้องน้ำของเรือก็สามารถให้เรือเทียบฝั่ง ขอเข้าห้องน้ำตามร้านอาหารสองข้างทางก็ได้
26.เพื่อนๆ บอกว่า ไม่ได้ยินเสียงตอนแตงโมตกน้ำ เพราะเครื่องเรือเสียงดัง ... แต่ก่อนหน้านี้ "เบนซ์ พริกไทย" แฟนของไฮโซปอ เคยขับเรือลำนี้เพื่อสาธิตถึงสมรรถภาพของเรือว่าเครื่องยนต์เสียงเบามาก ใครพูดอะไรในเรือก็ได้ยินหมด ดังนั้นเป็นไปไม่ได้ที่คนตกน้ำซึ่งต้องร้องขอความช่วยเหลือ แล้วคนในเรือจะไม่ได้ยิน
27.ภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณท่าเรือแห่งหนึ่งพบว่ามีการรินไวน์ในคนที่อยู่ในเรือรวม 5 แก้ว แต่หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับพบว่าบนเรือมีแก้วไวน์เหลือเพียงใบเดียวเท่านั้น ... ถามว่า แก้วที่เหลือหายไปไหน เป็นไปได้หรือไม่ที่มีการโยนแก้วไวน์ทิ้งน้ำเพื่อทำลายหลักฐานบางอย่าง
28.ตอนเจอร่างของแตงโม พบว่ามีบาดแผลยาวและลึกถึงกระดูก ซึ่งตำรวจคาดว่าน่าจะถูกใบพัดเรือบาดตอนตกเรือ... แต่มีคนที่เคยทำงานบนเรือสปีดโบ๊ตออกมาบอกว่า ถ้าเรือแล่นเร็วตามที่คนบนเรือบอก ใบพัดเรือจะไม่มีทางฟันขาคนที่ตกเพราะเรือแล่นออกไปข้างหน้า และขาของคนที่ตกน้ำจะลอยขึ้นซึ่งเป็นคนละทิศกับใบเรือ อีกทั้งหากเรือแล่นเร็วแล้วมีคนถูกใบพัดฟัน ใบพัดที่หมุนจะทำให้แผลเป็นริ้ว เหวอะหวะ เนื้อเละ ไม่ต่างจากหมูบด ซึ่งบาดแผลของแตงโมเกิดจากใบพัดเรือก็จะเกิดได้เฉพาะตอนที่เรือแล่นช้าๆ เท่านั้น
29.คนขับบอกไม่รู้ว่าใบพัดไปฟันแตงโมบาดเจ็บ... ซึ่งคนที่เคยขับเรือสปีดโบ๊ตบอกว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้ เพราะหากใบพัดเรือไปฟันอะไร ระบบของเรือจะหยุดทันที
30."บิ๊กแจ๊ส-พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง" นายก อบจ.ปทุมธานี ในฐานะอดีตมือปราบชื่อดัง ระบุว่า ผลการชันสูตรพลิกศพร่างของแตงโมพบว่า ในปอดมีทรายและดิน ซึ่งแสดงว่าจุดที่แตงโมตกเรือต้องไม่ใช่จุดที่น้ำลึก ระยะผิวน้ำถึงพื้นดินไม่ถึง 5 เมตรแน่นอน เพราะหลังจากตกเรือแตงโมคงไม่มีโอกาสกลั้นหายใจก่อน อยู่ๆ ก็ตกและจมลงน้ำจนไปถึงดินเลย เมื่อสูดหายใจเจอทรายเจอดินจึงเข้าไปถึงปอดจนสิ้นใจ ซึ่งขัดกับคำบอกเล่าของคนบนเรือที่ชี้จุดที่แตงโมตกแล้วขับเรือวนหา ซึ่งเป็นจุดที่น้ำลึก
31.คนที่อยู่บนเรือบอกว่าพอรู้ว่าแตงโมตกน้ำก็ขับเรือหาทันที (แซนบอกว่าเห็นแตงโมที่นั่งปัสสาวะอยู่ตกน้ำ เลยตะโกนบอกเพื่อน) ...แต่เด็กตกปลาซึ่งถ่ายคลิปของเรือลำนี้ไว้ บอกว่าเรือแล่นด้วยความเร็ว แล้วหักศอก แล่นหายไปเกือบ 10 นาที จึงวนเรือกลับมาวนหาแถวนั้น ซึ่งการที่เรือหายไปเกือบ 10 นาที แสดงว่าขับออกไปไกลมาก จึงไม่ใช่รู้ว่าแตงโมตกน้ำแล้วค้นหาทันที
32.แซนให้สัมภาษณ์ว่าตอนตกเรือแตงโมเกาะข้างเรือ ...ซึ่ง "พ.ต.ท.ดร.กฤษณพงค์ พูตระกูล" ประธานบริหารหลักสูตรอาชญาวิทยาและการบริหารงานยุติธรรม มหาวิทยาลัยรังสิต ชี้ว่าเป็นสิ่งที่ขัดกับคำให้การที่บอกว่าตอนแตงโมตกน้ำเรือแล่นเร็ว เพราะหากเรือแล่นเร็วแตงโมจะไม่สามารถเกาะเรือได้
33.ชาวเน็ตสังเกตว่าวันเกิดเหตุเสื้อของจ๊อบ หนึ่งใน 3 ชายหนุ่มที่ไปด้วยกันมีรอยขาด ...ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่คนที่เป็นไฮโซจะใส่เสื้อขาดไปกินข้าวกับสาวๆ ยกเว้นแต่จะขาดหลังจากนั้น ล่าสุด จ๊อบนำเสื้อมาโชว์ในรายการโหนกระแสว่าไม่ได้ขาด ซึ่งต้องพิสูจน์กันต่อไป
34.ล่าสุดตอนที่ กระติก แซน จ๊อบ และปอ ไปออกรายการโหนกระแส นักข่าวช่อง 3 ขอให้จ๊อบลองใส่เสื้อที่อ้างว่าไม่ได้ขาด ปรากฏว่าตอนถอดเสื้อนักข่าวเห็นรอยฟกช้ำที่หัวไหล่และรอยขีดข่วนตามตัวของจ๊อบ นักข่าวถามว่าไปโดนอะไรมา จ๊อบบอกว่าล้มบนเรือตอนตามหาแตงโม จากนั้นก็ขอให้นักข่าวลบรูปที่ถ่ายรอยฟกช้ำดังกล่าว ...ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าถ้าล้มน่าจะฟกช้ำที่ขามากกว่า และการล้มไม่ได้ทำให้เกิดรอยขีดข่วน อีกทั้งถ้าเป็นการฟกช้ำที่เกิดจากอุบัติเหตุทำไมต้องลบรูป จ๊อบกลัวอะไร ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เรียกผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้ง 5 คนไปตรวจร่างกาย และพบว่ารอยฟกช้ำของจ๊อบเกิดจากการกระแทกของแข็ง อายุของบาดแผลประมาณ 5-7 วัน ซึ่งเป็นช่วงเดียวกับวันเกิดเหตุ ส่วนรอยข่วนนั้นใหญ่กว่ารอยเล็บ ซึ่งบอกไม่ได้ว่าเกิดจากอะไร
35.ชาวเน็ตตั้งข้อสังเตว่าจากภาพการปรากฏตัวในที่ต่างๆ ของคนที่อยู่บนเรือในวันกิดเหตุ พบว่า "ปอ" และ "แซน" ก็มีรอยข่วนและรอยฟกช้ำตามร่างกายเหมือนกัน
36.ล่าสุด “ฮิปโป ฉันท์ชนะ” เพื่อสนิทของแตงโม ให้สัมภาษณ์ว่าได้คุยกับเจ้าหน้าที่ชันสูตรพบว่าร่างของแตงโมมีรอยช้ำที่คอและหน้าอก ซึ่งเป็นรอยที่เกิดก่อนตกน้ำ และฮิปโปยืนยันว่าก่อนไปนั่งเรือกินข้าวแตงโมไม่มีรอยดังกล่าวเพราะละครที่แตงโมถ่ายเป็นซีนอารมณ์ ไม่มีฉากปะทะหรือต่อสู้... จึงเกิดคำถามว่ารอยนี้เกิดจากอะไร?
37.“เอกพันธ์ บันลือฤทธิ์” ในฐานะอาสากู้ชีพที่ช่วยนำร่างของแตงโมขึ้นจากน้ำ ตั้งข้อสังเกตว่าบริเวณเปลือกตาของแตงโมมีร่องรอยเหมือนถูกกระแทกอย่างรุนแรง เหมือนแผลที่ถูกชกเข้าเบ้าตา ... แม้ต่อมานิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ จะเผยผลการชันสูตรรอยที่บริเวณดวงตาว่าไม่ใช่บาดแผล แต่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพร่างกายหลังเสียชีวิต แต่หากเป็นเช่นนั้นจริงเอกพันธ์ซึ่งเป็นอาสาสมัครกู้ภัยมากว่า 30 ปี ก็น่าจะรู้เพราะต้องเคยพบเห็นศพจมน้ำที่มีลักษณะนี้มาก่อน
38.เอกพันธ์ พบว่าเล็บนิ้วกลางมือขวาของแตงโมมีรอยหักงอ ซึ่งน่าจะเกิดจากการใช้แรงไปจับหรือจิกอะไรบางอย่าง... ซึ่งชาวเน็ตมองว่าสอดคล้องกับรอยข่วนบนตัวของจ๊อบ
39.ชาวเน็ตพบว่า "โรเบิร์ต" 1 ใน 5 ที่ไปร่วมล่องเรือมีการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ โดยอินสตาแกรมของโรเบิร์ต มีการเปลี่ยนชื่ออินสตาแกรมใหม่เป็น pubble พร้อมกับตั้งค่าให้เป็นไพรเวต ซึ่งคนที่จะเข้ามาดูได้ต้องได้รับอนุญาตก่อนเท่านั้น
40.แม่แตงโมบอกว่ามีคนที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าเรื่องราวที่เกิดบนเรือให้เพื่อนของแม่ฟัง และเพื่อนของแม่นำมาบอกแม่อีกที โดยระบุว่าแตงโมถูกทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจ
41.ล่าสุด แม่ของแตงโมนำหลักฐานเพิ่มเติมไปมอบให้ตำรวจเพราะเชื่อว่าถูกข่มขู่ แต่ภายหลังนักสืบไซเบอร์ช่วยกันไขปริศนาซีดีและภาพวาดที่ส่งมาให้แม่ พบว่า มีชื่อบุคคลและเหตุการณ์บนเรือ พร้อมทั้งชื่อโรงแรมย่านสุขุมวิท จึงเชื่อว่าเป็นการให้เบาะแสของคดี แม้ภายหลังจะมีข่าวออกมาว่าผู้ที่ส่งซีดีและภาพวาดให้คือเพื่อนบ้านที่อยู่ในคอนโดฯเดียวกับแม่แตงโมและไม่ค่อยปกติ แต่ก็มีคนตั้งข้อสังเกตว่าคนที่สมองไม่ปกติจะรู้รายละเอียดของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเรือได้อย่างไร เรื่องนี้จึงยังคงเป็นปริศนาต่อไป
42.ภาพที่แตงโมถ่ายกับกระติกภาพสุดท้าย ระบุเวลา 21.56 น. ซึ่งแอนนาบอกว่าเป็นเวลาเดียวกันเป๊ะกับที่แตงโมตอบแชตแอนนา แต่ข้อความที่ตอบนั้นสั้นผิดปกติ ซึ่งไม่ใช่วิสัยของแตงโม ...เป็นไปไม่ได้ที่แตงโมจะทำสองอย่างในเวลาเดียวกันเป๊ะ ขณะที่ชาวเน็ตระบุว่าภาพถ่ายในไอโฟนสามารถตั้งเวลาและเปลี่ยนโอเกชันได้ จึงเป็นไปได้ว่าเวลาที่ปรากฏบนรูปอาจไม่ใช่เวลาที่แม้จริง การตอบแชตแทนแตงโมและการโชว์รูปถ่ายที่ระบุเวลาถ่าย จึงอาจเป็นการสร้างหลักฐานเรื่องเวลา
ล่าสุด เจ้าหน้าที่ซึ่งควบคุมไฟที่สะพานพระราม 8 ยืนยันว่าปกติแล้วไฟสะพานจะปิด เวลา 21.00 น.รวมถึงในวันที่เกิดเหตุด้วย ดังนั้นเวลา 21.56 น.ที่ปรากฏบนภาพของกระติกจึงเป็นการเซ็ตเวลาเพื่อสร้างหลักฐานเวลาอย่างแน่นอน และเป็นไปได้ว่าแตงโมอาจตกเรือก่อน 21.56 น. ไม่ใช่ 22.30 น. อย่างที่คนบนเรือกล่าวอ้าง
43.ล่าสุด กระติกเข้าไปกราบขอโทษแม่ของแตงโม พร้อมกับยืนยันว่าได้ช่วยหาแตงโมอย่างเต็มที่แต่เธอว่ายน้ำไม่เป็นจึงไม่สามารถลงไปค้นหาแตงโมในแม่น้ำได้...ซึ่งชาวเน็ตก็ได้จับโป๊ะทันควัน โดยขุดคลิปที่กระติกว่ายน้ำ-ดำน้ำ กับลูกสาวในสระ พร้อมตั้งคำถาม.. ไหนบอกว่ายน้ำไม่เป็น?
44.แอนนา ระบุว่า ประกันชีวิตมูลค่า 1 ล้านบาท ซึ่งแตงโมได้รับจาก "ทิพยประกันภัย" จากการทำแคมเปญให้บริษัทประกันภัยดังกล่าวนั้น แตงโมใส่ชื่อลูกสาวของกระติก ซึ่งแตงโมรับเป็นบุตรบุญธรรม เป็นผู้รับผลประโยชน์ ซึ่งกระติกรู้ว่ามีประกันตัวนี้เพราะกระติกเป็นผู้ลงชื่อในฐานะพยาน...ซึ่งประเด็นนี้ทำให้ชาวเน็ตต่างตั้งข้อสงสัยว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่กระติกจะตั้งใจไม่ช่วยชีวิตแตงโมเพราะหากแตงโมเสียชีวิตลูกของตนจะได้รับเงินจากประกันถึง 1 ล้านบาท
45.หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่ากลุ่มที่ไปล่องเรือ พูดแต่ละครั้งไม่เหมือนกันเลย... คนที่พูดความจริงจะพูดเหมือนกันทุกครั้ง ยกเว้นแต่ว่า นั่นไม่ใช่ความจริง!
46. นอกจากความเคลือบแคลงที่มีต่อเพื่อนและกลุ่มคนที่อยู่ในเรือลำเดียวกับแตงโมแล้ว สังคมยังเคลือบแคลงต่อการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย ประเด็นแรกคือกรณีการเปลี่ยนสถานที่ชันสูตรร่างของแตงโมอย่างกะทันหัน จากเดิมที่จะขบวนรถของตำรวจกำลังเดินทางเพื่อนำร่างของแตงโมจากท่าเรือพิบูลสงคราม ไปชันสูตรที่นิติเวช โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ แต่อยู่ๆ มีคำสั่งให้นำร่างไปชันสูตรที่โรงพยาบาลตำรวจ โดย "เอกพันธ์" ในฐานะอาสากู้ชีพที่ไปช่วยค้นหาร่างแตงโม เปิดเผยว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจบอกกับเขาว่า "นายสั่งมา" ทั้งนี้ยังไม่นับรวมที่ภรรยาของ "ไฮโซปอ" คือ "เบนซ์ พริกไทย" มีพ่อเป็นนายตำรวจใหญ่อีกด้วย
47.เหตุใดหลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงไม่เรียกผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้ง 5 คน มาตรวจหาสารเสพติดและตรวจร่างกายเพื่อดูว่ามีร่องรอยที่ผิดปกติหรือไม่...แต่กลับเรียกบุคคลดังกล่าวมาตรวจหาสารเสพติดหลังเกิดเหตุถึง 3 วัน และตรวจร่างกายหลังเหตุการณ์ผ่านไปแล้วถึง 5 วัน ซึ่งกระแสสังคมในขณะนี้มองว่าความผิดปกติดังกล่าวอาจเกิดจากคำสั่งของ "ผู้มีอำนาจ" จึงเกรงว่าจะทำให้คดีไม่เป็นตามความเป็นจริง