ดร.สันต์ เผย โควิด19 เตรียมพร้อมรับ India Model สู้แบบเจ็บๆอีกนานกว่าจะจบ

01 เมษายน 2565

ดร.สันต์ เผย โควิด-19 ระลอก "โอมิครอน" เดินหน้าสู่สงกรานต์ เตรียมพร้อมรับ India Model สู้แบบเจ็บๆอีกนานกว่าจะจบ

ดร.สันต์ ศรีอรรฆ์ธำรง อาจารย์พิเศษสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือ นิด้า ได้โพสต์เฟซบุ๊ก เรื่อง Covid-19: Wave#5 Omicron เดินหน้าสู่สงกรานต์ เตรียมพร้อมรับ India Model สู้แบบเจ็บๆอีกนานกว่าจะจบ

เวลาผ่านไป 3 เดือนใน Wave#5 ของ Omicron คำถามในใจผู้คนมากมาย

1. ไหนว่าจะขาลงมา 2 รอบแล้ว แต่ทำไมยังไม่ถึง Peak สักที

2. ติดเชื้อกันจริงๆวันละเท่าไหร่ คนรอบตัวติดเชื้อกันมากมายต่อเนื่อง

3. เมื่อไหร่จะจบสักที จะเข้าโรคประจำถิ่นเมื่อไหร่

4. ทำอย่างไรถึงจะรอด

ดร.สันต์ เผย โควิด19 เตรียมพร้อมรับ India Model สู้แบบเจ็บๆอีกนานกว่าจะจบ

ผมมีคำตอบครับ จากการคำนวณและประมาณการณ์

สรุปสถานการณ์ที่ผ่านมา และกำลังเป็นไป: Past & Present

1. Wave#5 เป็นขาขึ้นตลอดตั้งแต่ 1 ม.ค. แต่ตรวจ RT-PCR น้อย ตัวเลขเลยขึ้นไม่สุด เห็นไม่ครบ ควบคุมโรคไม่ได้ หางเวฟจึงยาวมากๆไม่จบจนบัตนี้

2. ATK เริ่มตรวจลดลงไปมาก ตัวเลขรวมที่เคยขึ้น ก็กลับมาทรงตัว แต่ไม่ลงต่อ ทั้งๆที่สถานการณ์ยังเป็นขาขึ้นต่อเนื่อง

3. ชลบุรีขยันตรวจมาก จังหวัดเดียวเจอรวม PCR+ATK วันละเกือบ 10,000 แล้ว ถ้าขยันแบบนี้ทุกจังหวัด ตัวเลขทั่วประเทศน่าจะข้ามแสนไปแล้ว

4. คนที่ตรวจไม่เจอ ไม่ยอมตรวจ จะเป็นมดงานแพร่เชื้อไปเรื่อยๆ ทำให้ประเทศไทยค่อยๆเดินหน้าเข้าสู่ India Model แบบ Herd Immunity ที่จบแบบต้องสังเวยชีวิต หลายประเทศเป็นแบบนี้

 

ตัวเลขและกราฟ:

กทม.:

1. กราฟ %Increase ของ RT-PCR เป็นขาลงช้าๆที่ Time Constant ยาวนานถึง 84 วัน ซึ่งช้าเกินไป

2. กราฟผู้ติดเชื้อสะสมจะยังไม่ถึงจุดอิ่มตัว ใน 4 เดือนข้างหน้านี้

3. เราจะเห็นตัวเลข RT-PCR ระดับ 3,000 ต่อวันไปอีกนาน และอาจยกระดับขึ้นหลังสงกรานต์

4. ผู้ติดเชื้อที่แท้จริงในกทม. ถ้าดูจากอัตราการเสียชีวิตที่สูงเกินจริงถึง 0.4% ถ้าเทียบกับสิงคโปร์ ที่แค่ 0.05 - 0.1% ตัวเลขผู้ติดเชื้อจริงต่อวันในกทม.ควรจะอยู่ที่ระดับ 10,000 - 30,000 คน

5. ถ้ากทม.ไม่จบ จังหวัดอื่นๆจะกลับมาระบาดซ้ำอย่างต่อเนื่อง

ดร.สันต์ เผย โควิด19 เตรียมพร้อมรับ India Model สู้แบบเจ็บๆอีกนานกว่าจะจบ

 

ประเทศไทย: Present & Future

1. กราฟ %Increase ของ RT-PCR เป็นขาลงช้าๆที่ Time Constant ยาวนานถึง 65 วัน

2. กราฟผู้ติดเชื้อสะสมจะยังไม่ถึงจุดอิ่มตัว ใน 4 เดือนข้างหน้านี้

3. เราจะเห็นตัวเลข RT-PCR ต่อวันในระดับมากกว่า 20,000 ไปอีกอย่างน้อยถึง 15 มิ.ย. และยังคงมากกว่า 10,000 ไปจนถึง 1 ส.ค. แต่ตัวเลขอาจยกระดับขึ้นหลังสงกรานต์และเลวร้ายกว่านี้ ถ้าฉีด Booster ไม่พอ

4. กราฟ %Increase ของ RT-PCR+ATK เปลี่ยนแปลงลดลงเฉียบพลันแบบไม่มีสาเหตุเมื่อ 3 สัปดาห์ที่แล้ว น่าจะมาจากการตรวจที่ลดลงมาก

5. Daily Case RT-PCR+ATK ถ้าคำนวณตามเส้นแนวโน้มเดิม วันนี้ 31/3/2022 ผู้ติดเชื้อน่าจะอยู่ที่ระดับ 130,000 คนต่อวัน ไม่ใช่ 40,000 -50,000 คนเท่าที่ตรวจพบ

6. อัตราการเสียชีวิตถ้าคำรวณจากฐานกราฟ RT-PCR+ATK 130,000 คน คิด Delay 19 วันจะได้ อัตราการเสียชีวิต 0.12% สอดคล้องกับระดับวัคซีนที่เป็นจริงและเท่าๆกับในต่างประเทศ

7. อัตราการเสียชีวิตเริ่มลดลงจากระดับ 0.2% มาเข้าใกล้เส้น 0.1% ถ้าฉีด Booster ได้เพิ่ม อาจะลดลงได้ถึง 0.05% ซึ่งจะทำให้ผู้เสียชีวิต ในกรณีเลวร้ายสุดไม่เกิน 200 คนต่อวัน

8. การติดเชื้อยังคงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเพราะตรวจเชื้อน้อย อาจไปถึงระดับวันละ 500,000 คน ช่วงปลายพ.ค. แต่เราจะไม่มีวันได้พิสูจน์ข้อเท็จจริงนี้

9. ถ้าฉีดวัคซีนมากพอ ตัวเลข RT-PCR สำหรับคนที่ต้องเข้ารพ. จะต่ำสุดได้ถึง 2% ของผู้ติดเชื้อทั้งหมด ติดเชื้อจริง 500,000 RT-PCR ก็อาจลงต่ำได้ถึง 10,000 ต่อวัน

10. ถ้าควบคุมไม่ได้เลย เราจะติดเชื้อถึง 70% ของประชากรและเกิด Herd Immunity ในช่วงเดือน ก.ค. - ส.ค. 2022 แล้วการติดเชื้อจะลดลงอย่างรวดเร็ว แต่ก็ต้องแลกด้วยผู้เสียชีวิตประมาณ 20,000 - 40,000 คน

ดร.สันต์ เผย โควิด19 เตรียมพร้อมรับ India Model สู้แบบเจ็บๆอีกนานกว่าจะจบ

India Model: ข่าวดีและข่าวร้าย

ข่าวดี:

เกิด Herd Immunity แล้ว เพิ่งผ่านเทศกาลละเลงสีมาโดยไม่เกิด Wave ใหม่เลย Omicron สามารถจบได้จริง

ข่าวร้าย:

เสียชีวิตรายงาน 521,159 ตัวเลขจริงจาก Excess Death น่าจะถึง 5 ล้านคน

ติดเชื้อรายงาน 43,024,440 คน ตัวเลขจริงอาจถึงพันล้านคนแล้ว

อายุเฉลี่ยประชากร 28 ปี เด็กกว่าไทยถึง 12 ปี ยังเจ็บขนาดนี้

บทสรุปและทางเลือก:

1. ประเทศไทยตอนนี้เราตรวจเชื้อน้อย ควบคุมโรคไม่ได้แล้ว น่าจะไปทาง Herd Immunity แบบอินเดีย ผสมกับการฉีดวัคซีนให้อัตราการเสียชีวิตต่ำ

2. อาจจะเกิด Herd Immunity ในอีก 4 เดือนข้างหน้า ใครรักสุขภาพขอให้อดทนรอ เพื่อเป็น 30% สุดท้ายที่อาจรอดจากการติดเชื้อ หรืออย่างน้อยก็เสี่ยงต่ำ

3. ความสำเร็จในการชะลอการระบาดและเร่งฉีด Booster ที่ผ่านมาทำให้ผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มขึ้นราวๆ 20,000 -40,000 คน น้อยกว่ากรณีฉีดไม่ทันมากที่ระดับ 1-2 แสนคน

4. คน 3 ประเภท คนรักสุขภาพ ขอให้อดทนเก็บตัวอีก 4 เดือน คนอดทนไม่ไหวก็ไปฉีดวัคซีนให้ครบ แล้วยอมรับความเสี่ยง คนไม่ยอมฉีดวัคซีนและอดทนไม่ไหว ก็จะเสี่ยงตายมากกว่าคนอื่นๆ 10 - 40 เท่า

พวกเราอยู่ใน Wave Omicron นี้ที่ใครๆก็ชอบบอกว่ามันจะสั้น ขึ้นเร็วลงเร็ว แต่เวลา 3 เดือนได้พิสูจน์แล้วว่า Wave มันไม่ลงถ้าไม่ควบคุมโรคจริงจัง ไม่ฉีดวัคซีนที่ดีและมากพอ ไม่ปฏิบัติตามกฎอะไรกันเลย และใช้ชีวิตกันด้วยความประมาทเต็มที่ แต่ถึงอย่างไรมันก็ผ่านมาแล้ว สายเกินกว่าจะแก้ไขหรือกลับไป Lockdown ทุกอย่างจะต้องเดินหน้าต่อไป ถ้าไม่มีสายพันธุ์ใหม่มาอีก มันจะจบภายใน 3-4 เดือนข้างหน้า แต่ละคนก็จะสามารถเลือกวิธีจบได้แตกต่างกันไป ณ วินาทีนี้ ทุกอย่างจะเป็นไปตามธรรมชาติแล้ว ผู้ใดแข็งแกร่ง ผู้นั้นอยู่รอด ผู้ใดโชคดี ผู้นั้นก็อยู่รอด แต่ถ้าไม่อยากเพิ่งโชคมากนัก ก็ไปฉีดวัคซีนให้ครบ แล้วดูแลสุขภาพครับ

ปล. คำว่าจบที่ว่า น่าจะยังมีผู้ติดเชื้อต่อเนื่องวันละหลายหมื่นคน ผู้เสียชีวิตวันละหลายสิบ ในแต่ละปีโควิดจะเป็นสาเหตุการตายหลายหมื่นคน เป็นอันดับ 2 รองจากมะเร็งเท่านั้น แต่ชีวิตพวกเราส่วนใหญ่จะกลับมาเดินหน้าไปได้ตามปกติครับ นี่คือ Endemic ที่อาจไม่ได้สวยหรู แต่ก็ต้องจำใจอยู่กับมันครับ