หนุ่มงงหนัก เก็บกระเป๋าตังค์ได้ส่งให้ตร. แต่กลับโดนฟ้องข้อหา “ลักทรัพย์”

จากกรณีที่สื่อต่างประเทศรายงานว่า ชายคนหนุ่มเก็บกระเป๋าตังค์ได้ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในเขตเถาหยวน ประเทศไต้หวัน แต่พอเอาไปส่งคืนที่สถานีตำรวจกลับโดนเจ้าของฟ้องกลับข้อหา “ลักทรัพย์” เพราะคิดว่าชายคนดังกล่าวเอาเงินสดในกระเป๋าตังค์ของเขาไปโดยมิได้รับอนุญาต
 

โดยชายแซ่เฉินทำงานเป็น “ผู้จัดการร้านปิ้งย่าง” แห่งหนึ่งในเขตเถาหยวน ไต้หวัน บังเอิญเห็นกระเป๋าตังค์ตกหล่นอยู่ เมื่อสอบถามพนักงานที่ร้านก็บอกไม่ใช่ของทางร้าน เขาจึงเดินทางไปยังสถานีตำรวจเพื่อหวังจะให้ตำรวจนำส่งคืนเจ้าของ เมื่อไปถึงเขาก็ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนับเงินสดและสิ่งของที่อยู่ในกระเป๋าตังค์ พบว่าในกระเป๋าตังค์มีเงินสด สองหมื่นกว่าเงินดอลลาร์ไต้หวันใหม่ (ประมาณ 21,000 บาท)

แต่หลังจากวันนั้นผ่านไปไม่นานเขาก็ได้รับหมายศาลว่า ถูกฟ้องข้อหา “ลักทรัพย์” ทำเอานายเฉินงงมาก พี่สาวของนายเฉินจึงโพสต์ถ่ายภาพหมายศาลลงในเฟซบุ๊กเพจท้องถิ่นเพื่อขอความเป็นธรรมว่า “สังคมเดี๋ยวนี้มันยังไงกัน เป็นคนดีมันยากเย็นเหลือเกิน น้องชายเก็บกระเป๋าตังค์ได้ ในนั้นมีเงินสดประมาณ สองหมื่นกว่าเงินดอลลาร์ไต้หวันใหม่ ตำรวจเป็นคนช่วยนับ พฤติกรรมนี้คงไม่ใช่การทำโดยพละการใช่ไหม? เจ้าของไม่เพียงไม่ขอบคุณ แต่สุดท้ายโดนฟ้องกลับด้วย จะให้ทำอย่างไงดี ใครก็ได้ช่วยบอกที”

-รู้แล้ว บ้านโบราณสมัยก่อนมี "ทรงเหลี่ยมยื่นออกมา" มีไว้ทำอะไรกันแน่
-หนุ่มเศร้า "เก็บเงินนับล้าน" ไว้ในบ้านกลับมาดูอีกที ถึงกับพูดไม่ออก
-เจ้าของบ้านเอ็นดู ป้าข้างบ้านชอบขโมยน้ำใช้ ชาวเน็ตเห็นต่างนี่มันขโมยชัดๆ

เมื่อนายเฉินโทรไปสอบถามกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงทำให้ทราบว่า นางซุนเจ้าของกระเป๋าตังค์บอกว่าเขาได้ไปกดเงินที่ตู้มา 70,000 กว่าเงินดอลลาร์ไต้หวันใหม่ (ประมาณ 74,800 บาท) ซึ่งเงินสดหายไปกว่า 50,000 ดอลลาร์ไต้หวันใหม่ (ประมาณ 53,400 บาท) เมื่อตำรวจตรวจสอบกล้องวงจรปิดก็พบกว่า ในตอนแรกเด็กพาร์ทไทม์ในร้านเก็บได้ และนำส่งให้นายเฉินผู้จัดการของร้าน ในกล้องก็เห็นเขาเอาเงินยัดเข้ากระเป๋าตนเอง จนกระทั่งร้านปิดถึงจะไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ

นางซุนบอกว่าในตอนแรกที่ได้ข่าวว่า ได้กระเป๋าตังค์คืนก็ดีใจมาก แต่พอเห็นเงินในกระเป๋าตังค์หายไปเยอะมาก จึงทำเรื่องขอให้ตำรวจช่วยเปิดภาพกล้องวงจรปิดของที่ร้านปิ้งย่าง ก็เห็นว่ามีคนนำเงินไปจริง นางซุนบอกว่าหากเขายอมเอามาคืนแต่โดยดีจะไม่ติดใจเอาความ แต่ตำรวจบอกว่า จำเป็นต้องทำเรื่องร้องเพื่อสอบสวนต่อไป ทำให้นางซุนตัดสินใจฟ้องร้อง

ทั้งนี้ หลังการสืบสวนตำรวจบอกว่า ฟังดูไม่สมเหตุสมผลเลย นายเฉินให้การว่า “จำสีของกระเป๋าตังค์ไม่ได้ และไม่ได้สังเกตว่ามีกระเป๋าตังค์หนามากแค่ไหน” แต่ตำรวจบอกว่าในกล้องวงจรปิด เห็นภาพนายเฉินเปิดกระเป๋าตังค์ดูนะ แต่ด้านนางซุนบอกว่า ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของศาลและตำรวจต่อไป เพราะพวกเขามีพยายานมากพอที่จะยืนยัน และเชื่อว่าศาลจะให้ความยุติธรรมกับเธอ