จากกรณีที่มีภาพหญิงสาวยืนหันหลังบนเรือสปีดโบ๊ทซึ่งแต่งกายคล้ายกับนักเเสดงสาว “แตงโม นิดา” ในวันที่มีเหตุการณ์ตกเรือกลางเเม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในโลกโซเชียล โดยชาวโซเชียลต่างวิเคราะห์กันไปอย่างมากมายว่า ภาพนี้เป็นภาพของดาราสาวจริงหรือไม่? ต่อมา เเซน วิศาพัช มโนมัยรัตน์ เปิดเผยว่ารูปผู้หญิงยืนหันหลังบนเรือสปีดโบ๊ทที่หลุดออกมาเเชร์ว่อนเน็ตนั้น เป็นเเตงโมจริงๆ เเละ เเซนยอมรับเป็นคนถ่ายรูปเอง เพราะเห็นว่าสวยดี
ล่าสุด แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ อดีตผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ได้เปิดเผยในรายการทุบโต๊ะข่าว ระบุว่า จากการให้สัมภาษณ์ของแซน ที่เจ้าตัวออกมายอมรับว่าเป็นคนถ่ายภาพดังกล่าวด้วยตนเอง แต่ถ้าหากมองว่าภาพดังกล่าวเกี่ยวข้องกับสำนวนคดี ควรที่จะมีการเก็บเอาไว้อย่างรัดกุม และมีการเก็บทันที ถ้าหากเป็นหลักฐานสำคัญ ดังนั้นเชื่อว่าจากภาพหรือคลิปที่ถูกปล่อยออกมาเป็นระยะ หรือแม้กระทั่งภาพล่าสุด ก็เชื่อว่าคนที่จะมีภาพต้นทาง จะมีเพียงเจ้าหน้าที่ตำรวจกับแซนในฐานะคนที่ถ่ายภาพดังกล่าวเอาไว้เท่านั้น
-ชาวเน็ตเทียบช็อตต่อช็อตภาพหลุด "แตงโม" พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าใคร
-"ต่อย ดายศ” เคลื่อนไหวเป็นครั้งแรก หลังว่อนภาพหลุดบนเรือ "แตงโม นิดา"
-"แอนนา" พูดแล้วภาพหลุดบนเรือ สรุปใช่ "แตงโม นิดา" หรือไม่
ซึ่งถ้าหากเป็นหลักฐานที่สำคัญก็ไม่น่าที่จะถูกปล่อยออกมาในลักษณะแบบนี้ แล้วทำให้เกิดประเด็นข้อสงสัย หรือถูกจับผิดว่าใช่หรือไม่ เพราะอย่าลืมว่าหลักฐานทั้งหมดจะต้องมีการจัดเก็บตั้งแต่ต้นทางเป็นไฟล์ต้นฉบับ หรือยังไม่ผ่านการดัดแปลงตัดต่อ เจ้าหน้าที่จะต้องมีการเก็บไฟล์ต้นฉบับเอาไว้ แต่เหตุผลของการปล่อยภาพดังกล่าวให้หลุดออกมาได้ จะต้องย้อนถามกลับไปหาคนที่ปล่อยภาพออกมาว่ามีวัตถุประสงค์เพื่ออะไร แต่สำหรับส่วนตัวของตนเอง ไม่ได้มองว่าเป็นหลักฐานหรือมีความสำคัญอะไรมากขนาดนั้น แต่อาจเป็นการส่อเจตนาถึงเรื่องอื่น ที่ตนเองก็ไม่สามารถฟันธงได้
เช่นเดียวกับกล้องวงจรปิด ที่มีรายงานข่าวว่าอาจจะเห็นวินาทีตกเรือ ถ้าหากข้อเท็จจริงแล้วไม่สามารถสืบทราบหรือใช้หลักที่ยืนยันได้ชัดเจน ก็ไม่สามารถที่จะมีผลอะไรทางนิติวิทยาศาสตร์ได้เลย "ไฟล์เพียงฝ่ายเดียว และไม่มีความชัดเจนเรื่องต้นทางที่มา ตามหลักนิติวิทยาศาสตร์ของไฟล์ดิจิตอลเอเวอร์เรสต์ ถือว่าไม่มีผลและไม่มีความสำคัญ" ฉะนั้นขึ้นอยู่กับว่าการเก็บไฟล์ตั้งแต่ต้นทาง ในครั้งแรกที่มีการจัดเก็บข้อมูล หรือแม้แต่การพิสูจน์ คณะทำงานได้มีการดำเนินการอย่างถูกต้องแล้วหรือยัง หากจัดเก็บหรือนำข้อมูลมาไม่ถูกต้อง ก็ถือว่าจะใช้เป็นไฟล์ดิจิตอลเอเวอร์เรสต์ไม่ได้
ส่วนกรณีที่กระแสสังคมตั้งข้อสังเกตว่า การปล่อยภาพดังกล่าวออกมาในช่วงใกล้จะสรุปสำนวน อาจเป็นการเบี่ยงเบนประเด็น หรือเปลี่ยนความสนใจให้ไปโฟกัสที่อื่นนั้น เรื่องนี้ไม่รู้วัตถุประสงค์ แต่ไม่ว่าใครจะเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนหรือไม่เบี่ยงเบนก็แล้วแต่ ในเวลานี้ถือว่าเวลาผ่านไปนานพอสมควร กับคดีง่ายๆ เพียงคดีหนึ่งที่มีการเลื่อนแล้วเลื่อนอีก ตนเองต้องการที่จะให้มีคำชี้แจงแล้วให้สังคมคลายข้อสงสัย เพราะที่ผ่านมาเหมือนจะมีความชัดเจนแต่ก็ถูกเลื่อน
แต่ในมุมของตนเองไม่เคยรอ เพราะถ้าหากผลสรุปแล้วไม่ตรงตามที่ตนเองตั้งธงเอาไว้ สุดท้ายแล้วแม้ว่าจะสรุปในชั้นของพนักงานสอบสวน ก็ยังมีอัยการที่จะอยู่อีกขั้นในลำดับถัดไป ดังนั้นไม่ว่าตำรวจจะขอเลื่อนวันเวลาไปอีกกี่วัน เป็นเพียงเรื่องของความน่าเชื่อถือของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และการที่จะต้องออกมาตอบข้อสงสัยในการเลื่อนให้กับสังคมได้รับรู้เท่านั้น