จากกรณีที่ หนุ่มคลั่งบุกลานจอดสุวรรณภูมิ ประชิดเครื่องบินสายการบินดัง ทุบกระจกแตก ซึ่งตามรายงานระบุว่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 3 พ.ค.65 ที่ผ่านมา มีชายคลุ้มคลั่งขี่รถจักรยานยนต์ บุกเข้าไปในเขตการบิน (Airside ) ซึ่งเป็นพื้นที่หวงห้าม ของสนามบินสุวรรณภูมิ โดยชายดังกล่าว ได้เข้าไปทางประตูทางเข้าลานจอด 3 (Control Post 3 ) ซึ่งอยู่ใกล้กับ คอนคอร์ด A
โดยชายคนดังกล่าว พกอาวุธคล้ายขวานที่ประดิษฐ์เอง มุ่งไปยังประตูเครื่องบินของสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส ที่จอดอยู่ใกล้บริเวณดังกล่าว แต่เจ้าหน้าที่สายการบินปิดประตูกั้นไว้ทัน ทำให้ชายดังกล่าวหันไปทุบประตูขึ้นเครื่อง (Gate) จนกระจกแตกกระจาย ก่อนที่เจ้าหน้าที่สนามบินจะช่วยกันจับตัวไว้ได้ในที่สุด
ข่าวล่าสุดมีรายงานว่า นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) พร้อมด้วย พ.ต.อ.จิรวัฒน์ เปี่ยมปิ่นเศรษฐ ผกก.สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ แถลงชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีมีผู้บุกรุกเข้าพื้นที่ เขตการบิน ซึ่งนายกิตติพงศ์ระบุว่า วินาทีที่เจ้าหน้าที่ตัดสินใจเข้าชาร์จผู้ก่อเหตุ ต้องมั่นใจว่าเจ้าหน้าที่ทุกคนต้องปลอดภัย เพื่อไม่ให้ผู้บุกรุกเข้าไปชั้นในอาคารผู้โดยสารได้
-ชายคลั่ง บุกลานจอดสุวรรณภูมิ ประชิดเครื่องบินสายการบินดัง
-"หมอปลา" เคลื่อนไหวทันที หลังวัดดังพิษณุโลก ประกาศห้ามเหยียบวัด
-"ม.จ.จุลเจิม" เผยโดนอำนาจมืดมีผู้ใหญ่ สั่ง ลบรูปออกจากเฟซบุ๊ก
การปฏิบัติทั้งหมดได้คำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตของผู้โดยสาร รวมทั้งความปลอดภัยเจ้าหน้าที่ทุกนาย ดังนั้น ทั้งหมดได้ทำตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ ซึ่งได้รายงานให้นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ทราบทันทีที่เกิดเหตุ รัฐมนตรีให้เร่งดำเนินการส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ให้ทำตามกฎหมาย โดยกำชับให้มุ่งเน้นการให้บริการตามมาตรฐานและความปลอดภัย ผู้โดยสารต้องรู้สึกว่าปลอดภัย
"การสกัดกั้นโดยรถยนต์ เป็นแผนตามการฝึก ไม่ได้ทำมั่วๆ การทำงานมีขั้นตอน ระหว่างเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการมีการพูดคุย ศูนย์สั่งการตลอดเวลา เมื่อเขาล้ม เจ้าหน้าที่ต้องชาร์จ เพื่อยุติเหตุการณ์ ไม่อยากเห็นภาพเขาหลุดเข้าไปด้านใน เหตุการณ์จะยิ่งบานปลาย เรามุ่งเน้นความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่เป็นสำคัญ" ผอ.สุวรรณภูมิ อธิบายรายละเอียด
ขณะเดียวกัน ด้าน ผกก.สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พ.ต.อ.จิรวัฒน์ กล่าวว่า เบื้องต้นแจ้งทั้งหมด 7 ข้อหาคือ
1. ใช้อาวุธกระทําการเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของท่าอากาศยาน
3. บุกรุก
3. ทำให้เสียทรัพย์
4. พาอาวุธ (ขวาน) ไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยเปิดเผย โดยไม่มีเหตุสมควร
5. มียาเสพติดให้โทษ
6. เสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1
7. ทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัว
ทั้งนี้ พ.ต.อ.จิรวัฒน์ ยังได้เพิ่มเติมอีกว่า วันเกิดเหตุผู้ต้องหาพูดจาไม่ค่อยรู้เรื่อง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจหาสารเสพติดในตัวผู้ต้องหา พบว่ามีสารเสพติดในร่างกาย กระทั่ง ผู้ต้องหา เริ่มมีสติโต้ตอบ เบื้องต้น จากการตรวจสอบพบว่าผู้ต้องหาพักอาศัยอยู่ในบางพลี มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ช่วงปี 2557 เคยโดนจับยา 2 คดี ทั้งนี้ ตามกำหนดแล้วต้องส่งศาลวันที่ 5 พ.ค. 65
อนึ่ง การกระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดบางประการต่อการเดินอากาศ พ.ศ. 2558 ตามมาตรา 19 ข้อหาใช้อาวุธหรือวัสดุอื่นใดกระทำการอันอาจเป็นอันตรายหรือน่าจะเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของท่าอากาศยาน มีระวางโทษหนักอาจถึงประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่ 15-20 ปี และปรับตั้งแต่ 600,000-800,000 บาท
ขอบคุณคลิปจาก Saowakorn Tiyaswatkul