คืบหน้าประเด็นข่าวกรณี หมอปลา มือปราบสัมภเวสี พร้อมนักข่าวบุกเข้าตรวจสอบพระเกจิชื่อดัง "หลวงปู่แสง ญาณวโร" อายุ 99ปี ที่สำนักสงฆ์พื้นที่บ้านดงสว่าง ต.โคกนาโก จ.ยโสธร หลังว่อนคลิปฉาว มีการกล่าวหาว่าพระเกจิดังลวนลามสาว ต่อมาทางสำนักพุทธ เผยว่า หลวงปู่เเสง มีอาการป่วยอัลไซเมอร์ อาจจะมีการกระทำไปโดยไม่รู้ตัว ล่าสุดองค์กรวิชาชีพสื่อฯ ออกแถลงการณ์ เกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วโดยระบุว่า
แถลงการณ์ร่วมองค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน ตามที่ได้เกิดกรณีการนำเสนอข่าว "หลวงปู่แสง ญาณวโร" พระเกจิชื่อดัง ซึ่งในภายหลังปรากฏข้อเท็จจริงว่า มีการกระทำที่มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม และล่อแหลมต่อการละเมิดจริยธรรมและจรรยาบรรณสื่อนั้น
สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และ สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ได้ติดตามในประเด็นการแสวงหาข้อเท็จจริงของการนำเสนอข่าวนี้ด้วยความห่วงใย ว่าอาจเป็นการปฏิบัติหน้าที่ที่ขัดต่อจริยธรรมวิชาชีพเกินขอบเขตหน้าที่ของสื่อมวลชน ซึ่งในภายหลัง สำนักข่าวที่เป็นต้นสังกัดของนักข่าวที่ลงไปปฏิบัติงานในพื้นที่ได้ออกหนังสือแสดงความขอโทษและตระหนักถึงความผิดพลาดและขออภัยเป็นอย่างสูงต่อผู้เกี่ยวข้องในเหตุการณ์ทุกท่านทุกฝ่าย พร้อมดั่งคณะกรรมการตรวจสอบจริยธรรมแล้วนั้น
-ช่อง 3 ลงดาบพักงานนักข่าวสัมภาษณ์ "หลวงปู่แสง" ปมแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม
-"อนุชา ทรงศิริ" จวกเดือด "แก๊งหมอปลา" หลังแสดงกิริยาไม่ดีใส่หลวงปู่แสง
-เพจดังเผยภาพ "พระคาว" ผู้ดูแลเก็บซองเงิน "หลวงปู่แสง" ตั้งคำถามใครถือบัญชี
สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทยและสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ขอให้สำนักข่าวและสถานีต้นสังกัด ใช้ความระมัดระวังในการนำเสนอข่าวที่อาจเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล และใช้ความเข้มงวดในการตรวจสอบข้อมูลอย่างสมดุล รอบด้าน เพื่อให้เป็นไปตามหลักจริยธรรมแห่งวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ พ.ศ.2553 หมวด 4 แนวปฏิบัติของผู้ประกอบวิชาชีพข่าว ข้อ 11 การได้มา หรือการนำเสนอหรือการเผยแพร่ข่าวสารและข้อมูลที่เกี่ยวข้อง พึงใช้วิธีการที่สุภาพ ซื่อสัตย์ หลีกเลี่ยงการใช้ถ้อยคำที่ไม่สุภาพ หรือมีความหมายที่ดูถูก เหยียดหยามผู้อื่น
ทั้งนี้ สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และ สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย เห็นว่ากรณีการนำเสนอข่าวที่อ้างอิงแหล่งข่าว ข้อมูล หรือแม้แต่ตัวบุคคลที่เป็นที่สนใจของสาธารณชน ได้ส่งผลต่อการนำเสนอข้อเท็จจริงที่ส่งผลกระทบต่อความเชื่อถือในข้อมูลข่าวสารโดยรวมร่วมกันของทั้งสังคม
และขอให้ผู้รับผิดชอบกองบรรณาธิการได้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อการตรวจสอบเนื้อหา และแนวทางการปฏิบัติของนักข่าวในสังกัดอย่างเคร่งครัด ไม่ส่งเสริมให้ละเมิดกฎหมายและจริยธรรมวิชาชีพ เพื่อผลประโยชน์และความนิยมจากการนำเสนอข่าวสาร
จึงถือเป็นช่วงเวลาที่ควรจะได้มีการศึกษา หาวิธีการแก้ไขป้องกันร่วมกันของภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยจะนำประเด็นการนำเสนอข่าวในกรณีดังกล่าวเป็นกรณีศึกษาเพื่อจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นร่วมกันในเร็ว ๆ นี้ จึงขอเชิญเพื่อนร่วมวิชาชีพเข้าร่วมโดยพร้อมเพรียงกัน