คืบหน้าข่าวล่าสุดจากกรณีเครื่องบินโบอิ้ง 737-800 ของสายการบิน ไชน่าอีสเทิร์น เที่ยวบิน MU 5735 บรรทุกผู้โดยสารถึง 133 ราย ตกในเมืองอู่โจว เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน เมื่อวันที่ 21 มี.ค. 2565 ที่ผ่านมา พบว่าเหตุเครื่องบินตกนี้อาจไม่ใช่อุบัติเหตุ
โดยหลังเหตุเครื่องบินตก ได้มีการเผยแพร่ภาพจากกล้องวงจรปิดนาที เครื่องบินโบอิ้ง 737-800 ของสายการบิน ไชน่าอีสเทิร์น เที่ยวบิน MU 5735 ตก ซึ่งลักษณะการตกเป็นแบบทิ้งดิ่งหัวทิ่มลงในแนวตั้งที่อัตราความเร็ว 31,000 ฟุตต่อนาที หรือประมาณ 350 ไมล์ต่อชั่วโมง
เครื่องบินลำดังกล่าวขาดการติดต่อเมื่ออยู่เหนือน่านฟ้าเมืองหวู่โจว มีผู้โดยสาร 123 คน และลูกเรือ 9 นาย บนเครื่องบิน เสียชีวิตยกลำ
จากนั้นหน่วยงานด้านการบินของจีนสามารถกู้กล่องดำจากที่เกิดเหตุได้ และดำเนินการส่งให้ทีมนักวิเคราะห์ของสหรัฐ กระทั่งมีรายงานน่าตกใจล่าสุด กล่องดำเผยความจริง โบอิ้ง 737 "ไชน่าอีสเทิร์น" ทิ้งดิ่งโหม่งโลก ไม่ใช่อุบัติเหตุแต่จงใจให้เกิด
-ข้อมูลเผย นักบินพยายามหักหัวโบอิ้ง 737-800 ขึ้น1 ครั้ง ก่อนดิ่งสู่พื้น
-นาทีระทึก "เครื่องบินโบอิ้ง 737" ดิ่งแนวตั้งลงสู่พื้นดิน ก่อนไฟลุกท่วมเขา
-ระทึก "เครื่องบินโบอิ้ง 737 " ตกกลางเขาไฟลุกท่วม
โดยเจ้าหน้าที่สหรัฐ ระบุว่า ผลการตรวจสอบกล่องดำชี้ให้เห็นว่า มีคนบางคนในห้องนักบิน ซึ่งอาจจะเป็นนักบินเองหรือใครบางคนบนเครื่องบิน เข้าควบคุมกลไกของเครื่องบินและบังคับเครื่องบินปักหัวลงเป็นแนวดิ่งสู่พื้นดิน จนเป็นเหตุให้ผู้โดยสารทั้งหมด 132 คนบนเครื่องเสียชีวิต
กล่องดำระบุด้วยว่า นักบินไม่ได้ตอบสนองเสียงเรียกจากหอบังคับการบินที่ส่งสัญญาณเรียกหลายครั้ง จนกระทั่งเครื่องบินตกในลักษณะดิ่งลงสู่พื้นในที่สุด
นอกจากนี้ข้อมูลจาก flightradar24 ระบุว่า เที่ยวบิน MU5735 ของสายการบินไชน่าอีสเทิร์น แอร์ไลน์ส บินที่ระดับความสูง 29,000 ฟุต (8,839.2 เมตร) และอยู่ห่างประมาณ 100 ไมล์ (160.93 กิโลเมตร) จากจุดหมายปลายทาง ซึ่งเป็นจุดที่นักบินจะเริ่มลดเพดานบินเพื่อเตรียมลงจอด แต่แทนที่จะค่อยๆ ปรับลดเพดานบินลงประมาณ 1,000 ฟุตต่อนาที เครื่องบินกลับปักหัวลง และจากนั้นก็เริ่มดิ่งลงด้วยความเร็วกว่า 30,000 ฟุต (9,144 เมตร) ต่อนาที ภายในเวลาไม่กี่วินาที ซึ่งผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่วิเคราะห์ว่าเป็นสถานการณ์ที่ผิดปกติ