"หมอธีระ"เผยชัด ตัวเลขโควิด-19 ในประเทศไทย ที่คนไทยไม่ค่อยรู้!?

19 พฤษภาคม 2565

หมอธีระ วรธนารัตน์ โพสต์ข้อความอัพเดท สถานการณ์ระบาดโควิด-19 ที่ประเทศไทย เมื่อวาน ไทยสูงเป็นอันดับ 1 ของเอเชีย

จากกรณี "หมอธีระ" รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความอัพเดท สถานการณ์ระบาดโควิด-19 ของไทย  ซึ่งระบุว่า 

...สถานการณ์ระบาดของไทย

จากข้อมูล Worldometer เช้านี้พบว่า

เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่ รวม ATK สูงเป็นอันดับ 11 ของโลก และอันดับ 5 ของเอเชีย

ในขณะที่จำนวนเสียชีวิตเมื่อวาน สูงเป็นอันดับ 11 ของโลก และเป็นอันดับ 1 ของเอเชีย ถึงแม้ สธ.ไทยจะปรับระบบรายงานตั้งแต่ 1 พ.ค.เป็นต้นมาจนทำให้จำนวนที่รายงานนั้นลดลงไปก็ตาม

ทั้งนี้จำนวนเสียชีวิตของไทยเมื่อวานคิดเป็น 22.16% ของการเสียชีวิตทั้งหมดที่รายงานของทวีปเอเชีย

"หมอธีระ"กางตัวเลขโควิดที่คนไทยไม่ค่อยรู้ เมื่อวาน ไทยอันดับ 1 ของเอเชีย

...Endemic diseases...

การประกาศให้โรคใดโรคหนึ่งเป็นโรคที่พบได้ประจำในท้องถิ่นนั้น สิ่งที่ต้องบรรลุก่อนคือ การรู้จักธรรมชาติของมันว่าระบาดอย่างไร สามารถคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงของตัวเชื้อโรคนั้นได้

แต่สำหรับโควิด-19 นั้น ตราบจนถึงปัจจุบันยังคาดการณ์ได้ยากว่าตัวเชื้อไวรัสนั้นจะเปลี่ยนแปลงไปในลักษณะอ่อนแอลง หรือแข็งกร้าวมากขึ้น แม้ในประเทศตะวันตกพอจะสังเกตเห็นได้จากสองปีที่ผ่านมาว่าจะระบาดหนักในช่วงหน้าหนาว แต่ก็ยังฟันธงไม่ได้แน่นอนนัก

นอกจากปัจจัยข้างต้น ยังต้องประเมินดูสถานะที่แท้จริงของประเทศว่า ตัวเลขที่เห็นจากรายงานทางการทุกวันนั้นมันสะท้อนสถานการณ์จริงที่เกิดขึ้นในสังคมจริงหรือไม่?

เพราะหากเป็นภาพจริง ก็ย่อมทำให้ประเมินสถานะตนเองได้ดีว่า การระบาดนั้นเอาอยู่ ทรัพยากรเพียงพอ และสูญเสียน้อย จนควบคุมโรคอยู่หมัดได้จริง

แต่หากเป็นภาพที่ไม่ตรงกับความจริง ตัวเลขติดเชื้อน้อย ทั้งที่จริงแล้ว คนตรวจด้วยตนเองแต่ไม่รายงาน หรือไม่ตรวจแม้จะมีอาการไม่สบาย เพราะรู้ว่ารายงานเข้าระบบไปก็ไม่ช่วยให้ชีวิตดีขึ้น วิ่งหาหยูกยา หรือรักษาตนเองดูจะสะดวกกว่า หรือไม่รายงาน เพราะรู้ว่าหากเลเบลตนเองว่าติดเชื้อ จะต้องหยุดงาน ไม่มีกลไกสนับสนุนช่วยเหลือเยียวยาอย่างเพียงพอ

หรือหากตัวเลขตายลดลงสวยงาม แต่โดยแท้จริงแล้วไม่สะท้อนสถานการณ์จริงที่มีคนอีกจำนวนไม่น้อยที่ตายโดยพบว่าติดเชื้อแต่มีโรคอื่นประจำตัว ไม่รวมไว้ในรายงานสถานการณ์ให้สังคมได้ทราบ ก็ย่อมส่งผลต่อการประเมินสถานการณ์ และการรับรู้ความเสี่ยงที่บิดเบือนไป จนอาจเกิดผลต่อพฤติกรรมป้องกันตัว และการวางแผนนโยบายและมาตรการต่างๆ รวมถึงการผลักดันให้เป็น endemic disease ได้เช่นกัน

 

ที่สำคัญมากคือ การประเมินระบบสุขภาพของตนเองว่า จริงๆ แล้ว หยูกยาที่มีใช้นั้นเป็นไปตามหลักฐานทางการแพทย์มาตรฐานสากล มีปริมาณเพียงพอ เข้าถึงได้สะดวกหรือไม่ รวมถึงวัคซีนป้องกัน และสัดส่วนประชากรทุกช่วงวัยที่ได้รับการสร้างภูมิคุ้มกันด้วยวัคซีนที่ดีมีมาตรฐานสากลอย่างเพียงพอ

ทุกเรื่องข้างต้นล้วนมีความสำคัญในการกำหนดย่างก้าวของแต่ละประเทศท่ามกลางสถานการณ์ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ยังไม่ได้สิ้นสุด

หลายเรื่องในสังคมนั้น เปรียบเหมือนการขึ้นรถไฟที่ไม่หวนกลับ เช่น การปลดล็อคกัญชา ซึ่งเริ่มเห็นผลกระทบที่เกิดขึ้นแล้ว

การตัดสินใจเรื่องโรคโควิด-19 ก็เช่นกัน

ธรรมดา...เอาอยู่...เพียงพอ...ประจำถิ่นรวดเร็วดังสายฟ้าแลบ

ผลลัพธ์ที่ผ่านมา ประชาชนในแต่ละประเทศย่อมทราบดีว่าเป็นเช่นนั้นหรือไม่

มันใช่จริงหรือ?

สวัสดิภาพและความปลอดภัยในชีวิตของประชาชนทุกคนในสังคม เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด

"หมอธีระ"กางตัวเลขโควิดที่คนไทยไม่ค่อยรู้ เมื่อวาน ไทยอันดับ 1 ของเอเชีย