จากกรณี วันที่ 23 พ.ค. 65 แพทย์หญิงคุณหญิง พรทิพย์ โรจนสุนันท์ สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะ กมธ.สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ให้สัมภาษณ์ภายหลังรับหนังสือจาก นายอัจฉริยะ เพื่อจี้ดีเอสไอนับหนึ่งคดีแตงโมว่า ตนยังมองว่าไม่ได้บานปลาย เป็นสิ่งที่อยู่ภายใต้ภูเขาน้ำแข็งเป็นปัญหาที่หมักหมกมานาน ไม่มีใครกล้าที่จะทำ หากมีใครกล้าทำจะถูกคุ้ยแคะสารพัด
หมอพรทิพย์ บอกอีกว่า เพราะก่อนนายอัจฉริยะตนก็ได้ทำมาแล้ว แต่ในบทบาทของส.ว.เราทำไม่ได้ ดังนั้น เราจึงแยกกันทำหน้าที่ แต่มีวัตถุประสงค์เดียวกันคือประชาชนได้รับความยุติธรรม และกระบวนการยุติธรรมความโปร่งใส ดังนั้น อยากให้นิ่งๆ และคนที่คล้ายสนับสนุนหรือติดตาม หากมีข้อมูลสามารถส่งให้นายอัจฉริยะหรือกมธ.ได้ และขออย่ามองว่าเป็นการทำให้ยุ่ง
แพทย์หญิงคุณหญิง พรทิพย์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของคราบเลือดนั้นเป็นในส่วนของวิทยาศาสตร์ ซึ่งสามารถตรวจหาได้แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานขนาดไหนหากมีอยู่จริง ทั้งนี้ ย้ำว่าตนและนายอัจฉริยะแยกกันทำงาน โดยตนทำงานด้วยวิทยาศาสตร์ ด้วยหน้าที่ที่เป็นกรรมการ เป็นที่ปรึกษา ตนได้เห็นแผลถลอกก้างปลา เราบอกได้ว่าสิ่งนี้ที่จะนำไปสู่กุญแจตัวหนึ่ง แต่ตอนนั้นพูดไม่ได้เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังทำงาน จะผิดจริยธรรมของส.ว.
หมอพรทิพย์ระบุต่อว่า แต่เมื่อตำรวจทำงานเสร็จแล้วเราสามารถพูดคุยได้เมื่อมีผู้มาถาม ส่วนความสนใจในแผลก้างปลานั้น เพราะเป็นแผลวิทยาศาตร์ที่บอกจุดตก เพราะผู้เชี่ยวชาญด้านเรือและอื่นๆ ยืนยันตรงกันหมดว่า จุดตกคือหัวเรือ ดังนั้น เมื่อจุดตกไม่ตรงกับคำให้การ เราต้องฟังวิทยาศาสตร์ แต่จะทำอะไรได้หรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ
"ซึ่งแผลดังกล่าวนี้เป็นแผลถลอกตื้น ขนานกันที่ต้นขา ด้านหลังและที่น่องด้านหลังตั้งแต่บนลงล่าง เฉียงจากนอกเข้าในสม่ำเสมอ นั่นแปลว่าไม่ใช่มนุษย์ทำ สิ่งที่เป็นไปได้คือ ถูกใบพัดเรือและใบพัดที่จะพัดตรงขนาดนี้ กระแสน้ำต้องพาร่างตรงๆ ผ่านใบพัด ดังนั้น ต้องไปดูว่าส่วนไหนที่กระแสน้ำจะตรง และอีกส่วนหนึ่งที่แผลไม่ลึกนั้นเพราะฟินเรือบัง จึงกดร่างไม่ให้โดนใบพัดไม่ให้บาดลึก" หมอพรทิพย์ระบุ
ด้านนายอัจฉริยะ กล่าวถึงกรณีที่เคยพูดว่าหลังจากนี้หากเปิดหลักฐานออกไปแล้วหากไม่จริงจะยอมให้โดนเหยียบหน้าว่า เรื่องนี้ตนพูดถึงผู้กำกับ สภ.เมืองนนทบุรี หากไม่สามารถย้ายเขาออกจากพื้นที่ได้ ให้ใครก็ได้มาเหยียบหน้าตนได้เลย เป็นเรื่องของผู้กำกับสภ.เมืองนนทบุรี คนอื่นไม่เกี่ยว ซึ่งเขาได้ไปแจ้งความดำเนินคดีกับตน และตนจะได้มีการดำเนินคดีกับเขาในวันพรุ่งนี้ (24 พฤษภาคม) เวลา 10.00 น.
และตอนนี้ นายอัจฉริยะ ยืนยันว่าไม่มีคนข่มขู่แต่อย่างใด เพราะตนไม่กลัวใครอยู่แล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้คือการพิสูจน์ความจริงให้กับแตงโมและคนไทยทั้งประเทศ ซึ่งวันหน้าอาจจะเกิดคดีแบบแตงโมอีกหากปล่อยเจ้าหน้าที่รัฐร่วมมือในกระบวนการสร้างพยานหลักฐานเป็นเท็จ เอาคำพูดคนรวยมาเป็นตัวตั้งคดี ต่อไปความยุติธรรมจะเกิดขึ้นได้อย่างไร
นายอัจฉริยะ ระบุต่อไปว่า ไม่อยากเชื่อกระทรวงยุติธรรมจากประสบการณ์ 10 ปีที่ผ่านมา และในยุคนี้ขึ้นอยู่กับการเมือง ใจถึงไม่ถึง ตั้งแต่เป็นอธิบดีคนใหม่มา 6 เดือน ยังไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอัน
"ผมไม่เข้าใจว่าเหตุใดไม่ลองทำคดีแตงโม ซึ่งเขาแทบจะไม่ต้องทำอะไร เพราะทุกอย่างมาจากผมและทีมงานทั้งหมดแม้กระทั่งพญ.คุณหญิงพรทิพย์ก็เป็นพยานในคดีนี้ รวมถึงผู้เชี่ยวชาญด้านเรืออีกหลายคนก็เป็นพยานในคดีนี้ จึงอยากท้าดวล หากกมธ.ให้ไปตรวจคราบเลือด จะไปตรวจหรือไม่ หากไม่ตรวจแสดงว่าคุณไม่รับคดีนี้ ดังนั้น จึงไม่ต้องคิดอะไรมาก กระทรวงยุติธรรมในยุคนายสมศักดิ์กับอธิบดีกรมสอบสวนพิเศษ
หากไม่รับทำคดีผมจะถือเป็นยุคตกต่ำที่สุด และผมจะมีการดำเนินคดีกับกระบวนการของดีเอสไอ ทั้งเรื่องการใช้กฎหมายฟอกเงินในการไปเรียกผลประโยชน์ในคดีลำพูนแบริเออร์ และสโมสรฟุตบอลโดยนำคดีชบาไปอ้างว่าเป็นคดียาเสพติด ซึ่งตนมีหลักฐานแต่ยังไม่มีเวลาว่างเพราะทุ่มเทเวลาให้กับคดีแตงโม แม้พรุ่งนี้ร่างแตงโมจะเผาเราก็จะไม่หยุดทำงาน เพราะเราจะพิสูจน์ความจริง และพรุ่งนี้จะเป็นวันแรกที่เริ่มปล่อยคลิปวิดีโอให้สื่อมวลชนได้เห็น โดยจะเป็นหลักฐานที่เราจะนำไปยื่นดีเอสไอด้วย" นายอัจฉริยะ ทิ้งท้าย
คลิปจาก ThaiNews – ไทยนิวส์