สืบเนื่องจากรายงานคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นในไต้หวัน หลังจากมีคนพบคู่สามีภรรยาชาวไทยเสียชีวิตอยู่ภายในรถ BMW X4 ที่จอดทิ้งไว้บริเวณลานจอดรถ ใกล้สถานีรถไฟความเร็วสูงในเมืองเถาหยวน โดยพบว่าตามร่างกายทั้ง 2 มีบาดแผลที่ศีรษะ คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 2 วัน แต่ที่ยิ่งสลดก็คือตรวจสอบพบว่าฝ่ายภรรยา กำลังตั้งครรภ์ลูกแฝด อายุครรภ์ประมาณ 5 เดือน โดย เร่งตามล่า ชายไทย ก่อคดีสะเทือนขวัญในไต้หวัน ตร.พุ่งเป้า 2 ชนวนเหตุสลด
ร่างคู่สามีภรรยาถูกพบเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน ที่ผ่านมา ขณะที่ผู้ก่อเหตุนั้น เป็นชายชาวไทย อายุ 35 ปี ได้ขึ้นเครื่องบินหลบหนีมายังประเทศไทยแล้ว ทางหน่วยงานสอบสวนของไต้หวันอยู่ระหว่างประสานทางการไทย เพื่อติดตามส่งตัวผู้ก่อเหตุกลับมาดำเนินคดีที่ไต้หวัน อีกทั้งยังพบว่าผู้ก่อเหตุ เป็นคนรู้จักกับหญิงผู้เสียชีวิต อายุ 30 ปี
โดยทั้งคู่เดินทางมาเรียนต่อที่ไต้หวันด้วยกันตั้งแต่อยู่ชั้นมัธยมปลาย ก่อนจะกลับมายังประเทศไทย หลังจากนั้นหญิงรายนี้จึงเดินทางไปทำงานที่ไต้หวันในปี 2554 แล้วแต่งงานกับชายไต้หวันจนได้รับสัญชาติ จากนั้นจึงหย่า และมาแต่งงานกับผู้ชายคนไทย ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันที่นั่น
ขณะที่ผู้ก่อเหตุเดินทางไปไต้หวันหลังจากนั้น และได้ร่วมมือกับหญิงผู้เสียชีวิตในการทำธุรกิจ ที่นิวไทเป ซิตี้ และทำธุรกิจเกี่ยวกับการจัดหาแรงงาน แต่ปรากฏว่าไม่นานมานี้ทั้ง 2 ฝ่ายกลับมีความขัดแย้งกันในเรื่องบัญชี อีกทั้งผู้ก่อเหตุยังอิจฉาคู่สามีภรรยาที่เพิ่งจะถอยรถหรูราคาหลักล้านมา เตรียมต้อนรับลูกแฝดที่กำลังจะเกิด
กระทั่งเมื่อเย็นวันที่ 8 มิถุนายน ที่ผ่านมา ผู้ก่อเหตุกับคู่สามีภรรยาจึงนัดมาเจรจา ก่อนจะลงมือกับทั้งคู่ด้วยอาวุธของแข็งไม่มีคม ก่อนนำถุงพลาสติกมาครอบศีรษะฝ่ายหญิง จากนั้นนำร่างของทั้งคู่ยัดใส่รถ ไปจอดทิ้งไว้ใกล้สถานีรถไฟความเร็วสูง ขณะที่ตัวเองนั้นเดินทางไปยังสนามบินเถาหยวนพร้อมกับสัมภาระเล็กน้อย ขึ้นเครื่องบินหนีมายังประเทศไทย ในวันที่ 9 มิถุนายน ที่ผ่านมา
จากการตรวจสอบล่าสุดคนร้ายได้หนีกลับไทยด้วยสายการบิน STARLUX เที่ยวบิน JX741 เวลา 10.30 น. 9 มิถุนายน ซึ่งทางด้าน พล.ต.ต.เขมรินทร์ หัสศิริ ผบก.กองการต่างประเทศ เผยว่า ได้รับการประสานขอความร่วมมือในการสืบสวนติดตามจับกุมตัวแล้ว โดยได้พูดคุยเบื้องต้นกับผู้ช่วยทูตฝ่ายตำรวจไต้หวัน ตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน ซึ่งหนังสืออย่างเป็นทางการคาดว่า จะถึงในวันนี้ (13 มิ.ย.) ซึ่งตำรวจไทยและไต้หวันมีความร่วมมือที่ดีต่อกัน หากมีการร้องขอให้ติดตามตัว ก็จะมีการพิจารณาจับกุมให้ แม้จะไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนก็ตาม
ภาพจาก World Forum ข่าวสารต่างประเทศ