ตำรวจเตรียมออกหมายจับหนุ่มโหดก่อเหตุสะเทือนขวัญที่ไต้หวัน จากคดีชายไทยก่อเหตุสะเทือนขวัญ โดยนายสันติ ก่อคดีฆาตกรรม สองสามีภรรยาคนไทยเพื่อนร่วมชาติ ก่อนทิ้งร่างไว้ในรถหรูที่จอดทิ้งไว้ใกล้สถานีรถไฟความเร็วสูง จากการตรวจสอบพบว่าภรรยากำลังตั้งท้องลูกแฝด 5 เดือน และพบว่านายสันติ ได้เดินทางหลบหนีไปยังสนามบินเถาหยวนพร้อมกับสัมภาระเล็กน้อย ขึ้นเครื่องบินหนีมายังประเทศไทย ในวันที่ 9 มิถุนายน ที่ผ่านมา
คืบหน้าล่าสุด รองผู้บังคับการตำรวจกองปราบปราม ระบุว่า วันนี้พนักงานสอบสวน เตรียมนำหลักฐานยื่นต่อศาลอาญารัชดา เพื่อให้ออกหมายจับ ผู้ต้องสงสัยคนไทย ที่หลบหนีคดีฆาตกรรม สองสามีภรรยาคนไทยในไต้หวัน เชื่อ ยังหลบซ่อนในประเทศไทย
โดย พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม เปิดเผยว่า วันนี้พนักงานสอบสวนกองปราบปราม จะรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขอศาลอาญารัชดา ออกหมายจับ นายสันติ ศุภอภิรดีไพลิน ในความผิดฐานฆ่าผู้อื่น หลังผู้ช่วยทูตตำรวจไต้หวันประจำประเทศไทย เข้ามาให้ข้อมูลพยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ และเอกสารต่างๆ หลังนายสันติ หลบหนีคดีฆาตกรรมสองสามีภรรยาชาวไทย ที่ไต้หวัน กลับมาประเทศไทย
-กสทช.เตือน ปชช. เบอร์ขึ้นต้นด้วยหมายเลขสัญลักษณ์ต่อไปนี้ ห้ามรับเด็ดขาด
-ลือสนั่น "เเม่เเตงโม" โทรทวงเงินค่าชดเชย "ไฮโซปอ" เกือบทุกวัน
-"ทนายตั้ม" ซัดแรง "ตำนานทะแนะคนแรก" งานนี้สื่อถึงใครเดาไม่ยาก
และตำรวจยังสอบปากคำบิดาของผู้เสียชีวิตไว้เป็นหลักฐานประกอบสำนวนคดี ซึ่งจากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่พบว่า นายสันติ เดินทางออกจากประเทศไทยไปไต้หวัน เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2565 และเดินทางกลับมาประเทศไทย เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2565 ที่สนามบินสุวรรณภูมิ จากนั้น ต่อเครื่องไปยังจังหวัดเชียงใหม่ ก่อนเช่ารถแท็กซี่กลับไปบ้านพักในอำเภอไชยปราการ
โดยพบมีรถยนต์ของคนในครอบครัว ขับพานายสันติ มุ่งหน้าไปทางจังหวัดอุตรดิตถ์ ต่อเนื่องจังหวัดพิษณุโลก ซึ่งตำรวจเชื่อว่า นายสันติ ยังหลบหนีในประเทศไทย แม้ว่าจะยังไม่เจอตัวก็ตาม อีกทั้งข้อมูลของตำรวจ ยังพบว่า นายสันติ ถือหนังสือเดินทางสองสัญชาติ คือสัญชาติไทยและไต้หวัน เนื่องจาก บิดาของนายสันติ เคยเป็นทหารกองพล 93 (นายพล ก๊กมินตั๋ง) ทำให้นายสันติ ได้รับสิทธิจากบิดามานานกว่า 10 ปี ในการถือสัญชาติ
สำหรับคดีนี้ แม้ความผิดจะเกิดนอกราชอาณาจักร แต่ผู้ก่อเหตุและผู้เสียชีวิตเป็นคนไทย อีกทั้งผู้ก่อเหตุ หลบหนีเข้ามาประเทศไทย ตำรวจไทยจึงมีอำนาจดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 8 โดยมีผู้เสียหายตามกฎหมาย คือ พ่อแม่ ภรรยาและบุตร เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษผู้กระทำความผิด ซึ่งตามหลักการ การดำเนินคดี ทำได้เช่นเดียวกับเหตุที่เกิดในประเทศไทย