ทางเฟซบุ๊ก ศูนย์ประสานงานรับบริจาคอวัยวะ โรงพยาบาลสุรินทร์ ได้แชร์เรื่องราวเชิดชูเกียรติครูปุ้ม ครูโรงเรียนมัธยมที่อำเภอสังขะ ที่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต ซึ่งทางครูปุ้มก็ได้ทำเรื่องบริจาคอวัยวะไว้ ซึ่งช่วยผู้ป่วยได้อย่างน้อย 5 ชีวิต
ระบุว่า #ครูคือผู้ให้ตลอดชีวิต #ครูสาวเมืองช้างเสียชีวิตไม่สูญเปล่า บริจาคอวัยวะมอบชีวิตใหม่ให้ผู้ป่วยอย่างน้อย 5 ชีวิต
1 กรกฎาคม 2565 เวลา 14.00 น. นพ.ชุมนุม วิทยานันท์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสุรินทร์ มอบหมายให้ พญ.กฤษณา ร้อยศรี รองผู้อำนวยการกลุ่มภารกิจด้านพัฒนาระบบบริการและสนับสนุนบริการสุขภาพพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลสุรินทร์ เป็นตัวแทนสภากาชาดไทย แสดงความขอบคุณและมอบประกาศเชิดชูเกียรติ ให้แก่ครอบครัวของผู้บริจาคอวัยวะและดวงตา
พญ.กฤษณา ได้กล่าวแสดงความเสียใจกับครอบครัวของนางสาวกนกกาญจน์ บุญเจริญ (ครูปุ้ม) อายุ 29 ปี คุณครูโรงเรียนมัธยมที่อำเภอสังขะ มีภูมิลำเนาอยู่ที่ ต.ตะเคียน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์
ได้รับอุบัติเหตุทางจราจร ญาติได้นำตัวส่งมาทำการรักษาที่ รพ.สุรินทร์ เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.ที่ผ่านมา แพทย์ได้ทำการรักษาอย่างสุดความสามารถ แต่ด้วยอาการบาดเจ็บที่รุนแรง ร่างกายของครูปุ้มไม่ตอบสนองต่อการรักษาใดๆ ทีมแพทย์ได้ลงความเห็นว่าครูปุ้มเสียชีวิตแล้วด้วยภาวะสมองตาย สร้างความเศร้าเสียใจให้กับครอบครัวเป็นอย่างมาก
ก่อนหน้านี้ครูปุ้มเคยแจ้งไว้กับคุณพ่อและคุณแม่ว่าตนได้แสดงความจำนงบริจาคอวัยวะให้กับสภากาชาดไทย หากตนเสียชีวิต ก็ขอบริจาคอวัยวะที่ยังใช้งานได้ให้กับผู้อื่นนำไปใช้ต่อ เพื่อเป็นการทำคุณประโยชน์และสร้างบุญกุศลครั้งสุดท้ายในชีวิต หลังปรึกษากับญาติแล้ว คุณพ่อจึงตัดสินใจแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ศูนย์ประสานงานรับบริจาคอวัยวะ รพ.สุรินทร์ ขอบริจาคอวัยวะของครูปุ้มเพื่อทำตามเจตนารมณ์ของลูกสาว
โรงพยาบาลสุรินทร์ร่วมประสานงานกับสภากาชาดไทย ทำการผ่าตัดส่งมอบอวัยวะ ที่ยังใช้งานได้ คือ ลิ้นหัวใจ ตับ ไต 2 ข้างและดวงตา 2 ข้าง เพื่อนำไปปลูกถ่ายให้ผู้ป่วยระยะสุดท้ายซึ่งหมดทางรักษาด้วยวิธีการอื่นๆ ต้องรอคอยความหวังจากอวัยวะบริจาคเพียงอย่างเดียว
ผู้บริหารโรงพยาบาลสุรินทร์ ศูนย์ประสานงานรับบริจาคอวัยวะโรงพยาบาลสุรินทร์ และเจ้าหน้าที่ทุกคนขอแสดงความเสียใจกับครอบครัว และขออนุโมทนาบุญกุศลอันยิ่งใหญ่ของนางสาวกนกกาญจน์ บุญเจริญ ที่ท่านมีจิตเมตตาเสียสละบริจาคอวัยวะเป็นทานในครั้งนี้
"#ความดีที่ไม่สิ้นสุด #คือการอุทิศอวัยวะเมื่อยามสิ้นสูญ"