จากกรณีที่เป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างมากในโลกออนไลน์ เมื่อลูกค้าท่านหนึ่งไปรับประทานบุฟเฟ่ต์ชาบูร้านดัง ย่านถนนรัตนาธิเบศร์ และได้โพสต์ประสบการณ์ชวนขนลุกลงกลุ่ม คนรักบุฟเฟต์ เนื่องจากพบว่ามีแมลงสาบตัวเล็กๆ ออกมาจากตัวหูจับหม้อ จึงแจ้งพนักงานร้านมาดู แต่พนักงานในร้านบ่ายเบี่ยง ด้วยการส่งให้เด็กนักเรียนมาของไปเก็บพร้อมกับการกล่าวขอโทษแค่นั้น ที่สำคัญเมื่อเรียกผู้จัดการมากลับได้รับคำพูดตอบกลับมาว่า "จะไม่ทานก็ได้นะคะ" ทำทัวร์ลงสนั่น และเจ้าของโพสต์รู้สึกแย่มากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ต่อมามีรายงานว่าด้านผู้จัดการร้านคนเดิมได้ลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนผู้จัดการร้านคนใหม่มาทำหน้าที่แทนพร้อมกับประสานและแจ้งเรื่องที่เกิดขึ้นให้ทางเทศบาลนครนนท์รับทราบ โดยให้ความร่วมมือในตรวจสอบเป็นอย่างดี
ล่าสุดมีรายงานความคืบหน้าว่า นายเพิ่มพงษ์ พุ่มวิเศษ ผู้อำนวยการส่วนส่งเสริมอนามัยสิ่งแวดล้อม เทศบาลนครนนทบุรี และเจ้าหน้าที่เทศบาลนครนนทบุรี ลงพื้นที่ตรวจสอบร้านบุฟเฟ่ต์ที่เกิดเหตุ มีตัวแทนร้านบุฟเฟ่ต์ที่เกิดเหตุและตัวแทนห้างดังร่วมลงพื้นที่ด้วย ซึ่งจากการตรวจสอบครั้งนี้ทำให้ทราบสาเหตุของกองทัพแมลงสาบในร้านชาบูดังกล่าว
โดย นายเพิ่มพงษ์ ระบุว่า หลังทราบข่าวทางเทศบาลนครนนทบุรีได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่าทางร้านบุฟเฟ่ต์มีการดูแลทำความสะอาดเป็นอย่างดี แต่สาเหตุที่มีแมลงสาบจำนวนมาก น่าจะเกิดจากเศษอาหารที่ตกเข้าไปอยู่ภายในท่อสายไฟหรืออยู่ในเตาไฟฟ้า เมื่อถูกความร้อนแมลงสาบจึงไต่หนีมาที่หม้อชาบูตามที่โพสต์ออกมา
"ทางเทศบาลนครนนทบุรี ได้กำชับให้ร้านพ่นยาฆ่าแมลงอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง และทางเทศบาล จะส่งเจ้าหน้าที่ลงตรวจสอบสุขลักษณะเป็นประจำ รวมทั้งตรวจเรื่องสุขาภิบาลอาหารและตรวจสถานที่" หากตรวจสอบพบว่าทางร้านไม่ได้มาตรฐาน จะมีกฎหมายตาม พ.ร.บ.สาธารณสุขของเทศบาล ให้ทำการแก้ไขปรับปรุง หากไม่มีการแก้ไขก็จะสั่งพักใช้ใบอนุญาต 15 วัน และหากยังไม่หยุดอีก จะตามด้วยการยกเลิกใบอนุญาต
เพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ทางบริษัทเจ้าของสาขา ได้สั่งการให้ทางร้านเร่งทำความสะอาด พ่นยาฆ่าแมลงทุกสัปดาห์ พร้อมกับกำชับให้พนักงานดูแลเรื่องความสะอาดเป็นพิเศษ โดยเน้นย้ำไม่ให้มีเศษอาหารตกค้างอยู่ตามโต๊ะและภาชนะโดยเด็ดขาด นอกจากนี้ทางร้านบุฟเฟ่ต์ได้ติดต่อไปยังลูกค้าคนดังกล่าวแล้วเพื่อขอโทษและแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเรียบร้อยแล้ว
ขอบคุณข้อมูลจาก Tnews