จากกรณี เมื่อวันที่ 9 ก.ค. 65 ที่ผ่านมา หมอเฉลิมชัย หรือ นพ.เฉลิมชัย บุญยะลีพรรณ รองประธานกรรมาธิการการสาธารณสุข วุฒิสภา ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 ผ่านทาง blockdit ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย โดยระบุว่า ข่าวดีเบื้องต้นวัคซีนโควิดสามารถรับมือไวรัส BA.4/BA.5 ได้ดีพอๆกับ BA.2 เป็นผลการศึกษาจากอังกฤษ
ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โลกเราได้เข้าสู่การระบาดของไวรัสโอมิครอน ที่เข้ามาทดแทนไวรัสสายพันธุ์เดลตาอย่างรวดเร็ว และในเดือนที่ผ่านมาไวรัสสายพันธุ์ย่อย BA.4/BA.5 ได้เริ่มเข้ามาเป็นสายพันธุ์หลักทั่วโลก รวมทั้งในประเทศไทยด้วย โดยเข้ามาทดแทนสายพันธุ์หลักเดิมคือ BA.2
มีข้อมูลจากการศึกษาหลายรายงานด้วยกัน เป็นผลการศึกษาจากห้องปฏิบัติการพบว่า ไวรัสสายพันธุ์ย่อยกลายพันธุ์ใหม่ BA.4/BA.5 ดื้อต่อวัคซีน มากกว่าไวรัสสายพันธุ์ BA.2 นอกจากความสามารถในการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วที่เพิ่มขึ้นแล้ว ทำให้เกิดความกังวลว่าวัคซีนเจนเนอเรชั่นที่ 1 ซึ่งฉีดกันอยู่ในปัจจุบันจะไม่สามารถรับมือไวรัส BA.4/BA.5 ได้
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีข่าวล่าสุดเป็นการศึกษาเบื้องต้นของอังกฤษ ได้ทำการศึกษาและวิเคราะห์สถานการณ์ของวัคซีนต่อไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์ใหม่ พบข่าวดีว่า ไวรัสกลายพันธุ์ BA.4/BA.5 ในโลกแห่งความเป็นจริง (Real-World) ไม่ได้ดื้อต่อวัคซีนมากกว่าไวรัส BA.2
ซึ่งแตกต่างจากผลการศึกษาก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นการศึกษาในห้องปฏิบัติการ (Laboratory) โดยเป็นการวิเคราะห์ตัวเลขในช่วงวันที่ 18 เม.ย.- 23 มิ.ย. 2565 พบว่าสถานภาพของวัคซีนต่อไวรัสกลายพันธุ์ BA.4/BA.5 อยู่ในลักษณะที่ใกล้เคียงกับ BA.2
อย่างไรก็ตาม เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ไวรัส Omicron ไม่ว่าสายพันธุ์ใด ก็ล้วนแต่ดื้อต่อวัคซีนมากกว่าสายพันธุ์ไวรัสสายพันธุ์เดิมคือ Delta
ดังนั้นการพัฒนาวัคซีนเจนเนอเรชั่นที่ 2 ที่จะผลิตบนสารพันธุกรรมของไวรัสโอไมครอนโดยตรง จึงมีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งในปัจจุบัน โดยเฉพาะถ้าเป็นวัคซีนหลายสายพันธุ์ ก็จะยิ่งได้ผลดีมากขึ้น
ส่วนสถิติอื่นที่สำคัญของรายงานการศึกษาครั้งนี้พบว่า เมื่อใช้วัคซีน ไม่ว่าจะเป็น AstraZeneca , Pfizer , Moderna เป็นเข็มกระตุ้นที่ 3 (ไม่ว่าสองเข็มแรกจะเป็นวัคซีนอะไรก็ตาม) ล้วนได้ผลดีในการกระตุ้นเท่าเทียมกัน และการฉีดวัคซีนเข็ม 3 นั้นจะ มีภูมิคุ้มกันอยู่ไปได้ประมาณ 6 เดือนแล้วภูมิคุ้มกันก็จะลดลง จำเป็นที่จะต้องฉีดกระตุ้นเข็ม 4 ต่อไป
ดังนั้นผู้ที่ฉีดเข็ม 3 แล้วควรฉีดกระตุ้นเข็ม 4 ไม่ช้ากว่า 6 เดือน ในประเทศไทย กำหนดให้ฉีดเข็ม 4 ห่าง 4 เดือน ซึ่งก็เป็นตัวเลขที่เหมาะสมดี
ในอังกฤษเองมีการฉีดวัคซีนน้อยกว่าประเทศไทยคือ เข็มหนึ่งฉีดได้ 70.2% เข็มสอง 66.0% และเข็มสาม 52.0% โดยเข็มหนึ่งและเข็มสอง ฉีดได้น้อยกว่าประเทศไทย ส่วนเข็มสามฉีดได้มากกว่าไทย
ขอบคุณ blockdit : ร้อยแปดพันเก้ากับหมอเฉลิมชัย
ขอบคุณข้อมูลจาก Tnews