วิจารณ์ยับ ผู้ปกครองรับไม่ได้ "ครูเย็บป้ายติดเสื้อนร." ทำแบบนี้เกินไปไหม

26 กรกฎาคม 2565

ชาวเน็ตวิจารณ์ยับ ผู้ปกครองรับไม่ได้ "ครูเย็บป้ายกระดาษติดเสื้อ" แจ้งเตือนเรื่องชุดลูกวัยอนุบาล แต่กลับเหมือนประจาน

กลายเป็นประเด็นที่ชาวเน็ตหลายคนกำลังวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างดุเดือดในโลกออนไลน์ตอนนี้ เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับการกระทำของครูที่ต้องการแจ้งผู้ปกครองของนักเรียนวัยอนุบาลรายหนึ่งในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ว่า ในวันอังคารที่ 26 กรกฎาคม 65 ต้องการให้นักเรียนสวมชุดผ้าไทยหรือลายดอกมาโรงเรียน เย็บป้ายติดเสื้อนักเรียน ทำแบบนี้เกินไปไหม

วิจารณ์ยับ ผู้ปกครองรับไม่ได้ ครูเย็บป้ายติดเสื้อนร.แบบนี้เกินไปไหม

โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งได้โพสต์ภาพลูกชายของตนเอง พร้อมทั้งเผยให้เห็นใบการแจ้งเรื่องชุดถึงผู้ปกครอง ซึ่งครูได้นำแม็กเย็บกระดาษมาเย็บกระดาษใบที่แจ้งกับเสื้อของนักเรียน และในข้อความระบุว่า "วันอังคารที่ 26 ก.ค. พรุ่งนี้ (ขีดเส้นใต้) ให้ใส่ชุดผ้าไทย หรือเสื้อลายดอก หรือดูที่ครูแจ้ง" 


เขียนป้ายห้อยคอประจานนักเรียน ด้านผู้ปกครองของนักเรียนรายดังกล่าวได้ระบุข้อความว่า "เนื่องจากพ่อถูกเตะออกจากกลุ่มไลน์เพราะแค่พยายามคุยกับผู้ปกครองในกลุ่ม ส่วนแม่ซิมเสีย เข้าไลน์ไม่ได้เพราะต้องยืนยันผ่านข้อความจากซิม สุดท้ายครูประจำชั้นจึงแก้ปัญหาด้วยการ เย็บข้อความแขวนคอประจานกลับมาบ้านแทน เกินไปไหมแบบนี้ 

วิจารณ์ยับ ผู้ปกครองรับไม่ได้ ครูเย็บป้ายติดเสื้อนร.แบบนี้เกินไปไหม

 

เจ้าของโพสต์เล่าต่ออีกว่า เอาใส่กระเป๋ามา หรือจะเขียนโน้ตใส่กระดาษมาก็ได้ มีวิธีแจ้งอีกตั้งหลายแบบ หรือไม่ก็รอให้ถึงวันอังคาร ถ้าลูกไม่แต่งตามที่เขียนมา แล้วค่อยเอาติดประจานแบบนี้ก็ยังไม่สาย" ซึ่งหลังจากที่ภาพดังกล่าวได้ถูกเผยแพร่ในโลกออนไลน์ทำให้ชาวเน็ตต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างต่อเนื่อง เขียนป้ายเหมือนประจานนักเรียน

วิจารณ์ยับ ผู้ปกครองรับไม่ได้ ครูเย็บป้ายติดเสื้อนร.แบบนี้เกินไปไหม

โดยส่วนใหญ่แล้วชาวเน็ตส่วนใหญ่มองว่า การกระทำของครูรายนี้เป็นการกระทำที่เกินไป เพราะยังมีอีกหลายวิธีที่จะทำการแจ้งเตือนถึงผู้ปกครองของนักเรียน อาทิเช่น  ขนาดนั้นเลย เกินไปเปล่าเนี่ย บ้างก็บอกว่า เขียนใส่กระดาษใส่กระเป๋ามาก็ได้, เกินไปไหมคะครู บ้างก็บอกว่า ครูประจำชั้นคนนี้ท็อปฟอร์ม รักษามาตรฐานมาตั้งแต่ก่อนเปิดเทอม

วิจารณ์ยับ ผู้ปกครองรับไม่ได้ ครูเย็บป้ายติดเสื้อนร.แบบนี้เกินไปไหม

 

   ขอบคุณข้อมูลจาก Tnews