วอนรัฐฯเพิ่มวงเงินคนละครึ่ง หวังช่วยกระตุ้นการซื้อขาย 800 บาทน้อยเกินไป
วอนเพิ่มวงเงินคนละครึ่งหวังช่วยกระตุ้นการซื้อขาย ขณะที่ประชาชน และร้านค้าบางส่วนขึ้นป้ายไม่ขอร่วมโครงการ เหตุได้ไม่คุ้มเสียต้องจ่ายภาษี และร้านค้าที่ต้องการจะใช้ซื้อสินค้ามีพฤติกรรมบวกเงินเพิ่ม เพื่อไปจ่ายภาษี หรือมาคิดบวกภาษีเอากับประชาชนเจ้าของสิทธิ์
วันนี้ 2 ส.ค.2565 หลังรัฐออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกระลอกโดยการอัดวงเงินคนละครึ่งอีก 800 บาทโดยจะสามารถใช้ได้ในเดือนกันยายน นี้
ด้านพ่อค้าแม่ค้าที่จำหน่ายอาหารภายในตลาดเซ็นเตอร์พ้อย เขตเทศบาลนครตรัง บอกว่า ผลกระทบราคาน้ำมันแพงสินค้าทุกชนิดปรับราคาสูงขึ้น แม้น้ำมันพืชจะลดราคาลงมา แต่วัตถุดิบชนิดอื่นราคายังสูง และโดยเฉพาะปัญหาราคาก๊าซหุงต้มที่ยังคงปรับราคาสูงขึ้นไปอีกระลอก ส่งผลกระทบต่อพ่อค้าแม่ค้าอย่างมาก ทำให้ต้นทุนการผลิตยิ่งเพิ่มสูงขึ้น ขณะสินค้าที่จำหน่ายไม่ได้ปรับราคาขึ้นตามแต่อย่างใด
ด้านประชาชนก็ต้องควักเงินจ่ายเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน ยังรอความหวังขอให้รัฐเร่งมีมาตรการช่วยเหลือลดค่าครองชีพ โดยในส่วนของโครงการคนละครึ่งเฟสที่ 5 ที่ออกมาช่วยค่าครองชีพประชาชนและกระตุ้นเศรษฐกิจคนละ 800 บาท ทั้งในส่วนของร้านค้าและประชาชนส่วนใหญ่ดีใจ แต่มองว่าวงเงินน้อยเกินไป ไม่สามารถจะช่วยเหลือแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนได้ ควรจะเพิ่มวงเงินเท่าเดิมคือ คนละ 1,500 บาท เพราะประชาชนมีรายจ่ายมาก จะทำให้การจับจ่ายใช้สอยดีขึ้น สินค้าก็จะได้ขายดี ทั้งนี้ หลังจากหมดโครงการคนละครึ่งเฟส 4 ทำภาวะเศรษฐกิจซบเซา ประชาชนขาดกำลังซื้อ
ส่วนนางธัญกมล มีแก้ว อายุ 57 ปี แม่ค้าขายขนมบ้าบิ่นมะพร้าวอ่อน และแม่ค้าอีกหลายราย กล่าวว่า วงเงินน้อยเกินไปอยากเรียกร้องให้รัฐบาลเพิ่มวงเงินเป็นคนละ 1,500 บาท เพราะ 800 บาทน้อยเกินไปไม่พอซื้อหาอะไรก็หมด
อย่างไรก็ตาม ยังมีร้านค้า และประชาชนบางส่วนปฏิเสธที่จะเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง โดยร้านค้ามองว่าได้ไม่คุ้มเสียต้องจ่ายภาษีจำนวนมาก ขณะที่ ที่ผ่านมาพบว่า ร้านค้าที่จำหน่ายวัตถุดิบในการประกอบอาหาร พบว่าพฤติกรรมบวกเงินเพิ่ม เพื่อนำไปจ่ายภาษี เช่น ซื้อน้ำมันพืชลังละ 700 บาท แต่ร้านค้าขอบวกเงินเพิ่มคิดเป็น 720 บาท โดยบอกว่าจะต้องบวกเพิ่มเพราะต้องนำไปจ่ายภาษี และหากไม่ยินยอมทางร้านก็จะไม่ขายให้ โดยมาคิดภาษีเพิ่มเอากับเจ้าของสิทธิ์ ที่ผ่านมาเคยยอมจ่าย เพราะร่วมโครงการแล้วก็ต้องจ่ายให้หมดวงเงิน เฟสใหม่นี้จึงจะไม่ร่วมโครงการทั้งส่วนตัวและในส่วนของร้านค้า
ขณะที่นายอำนวย แซ่เง่า ประธานตลาดเซ็นเตอร์พ้อย ก็กล่าวว่า พ่อค้าแม่ค้าเดือดร้อนหนักจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น ทำให้บรรยากาศการจำหน่ายสินค้าไม่คึกคัก หลายร้านเลือกที่จะหยุดขายในบางวัน จากเดิมที่ไม่เคยหยุดขายเลย เนื่องจากเหนื่อย ขาดทุน บางคนเงินทุนหมด ไม่มีเงินหมุนเวียน หรือได้ไม่คุ้มเหนื่อย และหากมีฝนตกจะยิ่งพร้อมใจกันหยุด โดยเฉพาะในวันนี้ตลาดเซ็นเตอร์พ้อยร้านข้าวแกงหยุดขายทุกร้าน เพราะเชื่อว่าหากทำมาขายก็ขาดทุน จะต้องเหลือแน่นอน จึงเลือกที่จะหยุดขาย ดีใจที่รัฐมีโครงการคนละครึ่งแม้จะน้อย แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้ช่วยเหลืออะไร เพราะตลาดค่อนข้างจะซบเซา แต่ก็พบว่าหลายร้านไม่ร่วมโครงการ เพราะมองว่าเรียกเก็บภาษีจำนวนมาก
ภาพ - ข่าว โดย คนิตา สีตอง สำนักข่าวเนชั่น