จากกรณีคดีดังเมื่อปี 2561 เมื่อเกิดเหตุไฟไหม้บ้านนักร้องดัง บอล บางแก้ว หรือ นายพงษ์เพชร สินสุวรรณ์ จนเป็นเหตุทำให้ น.ส.สุภาณี สินอนันต์ตระกูล หรือ เบนซ์ แฟนสาวของบอล บางแก้ว สำลักควันจนเสียชีวิตภายในบ้าน ซึ่งทางคุณพ่อของฝ่ายหญิง ไม่เชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุ คาดเป็นการฆาตกรรม ซึ่งในเวลาต่อมาประเด็นนี้กลายเป็นข่าวดัง โดย บอล บางแก้ว ได้ฟ้องร้องพ่อของฝ่ายหญิง ในฐานความผิดหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา เรียกค่าเสียหายจำนวน 10 ล้านบาท
คดีดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมจนล่าสุด พ่อน้องเบ๊นซ์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กขอโทษและแก้ไขข่าวเกี่ยวกับคดีของบอล บางแก้ว ที่เข้าใจผิดส่งผลให้เสียชื่อเสียง พร้อมระบุสาเหตุที่แท้จริงคือเป็นเรื่องเคราะห์ร้ายอายุสั้นของน้องเบ๊นซ์ที่บังเอิญไปเสียชีวิตจากเหตุการณ์ ที่บังเอิญเกิดอุบัติเหตุเพลิงไหม้ ตนเองคิดไปเองว่าเป็นฆาตกรรมทั้งที่แท้จริงมันเป็นอุบัติเหตุเท่านั้น ซึ่งได้มีการระบึข้อความทั้งหมดดังนี้
"ผมมีสาเหตุที่สำคัญจะมาแจ้งข่าวให้กับทุกๆท่านให้ได้รับทราบความจริง โดยที่มีสาระสำคัญ 3 ข้อครับผม
ข้อ1. คือว่า ในวันนี้ผมตั้งใจที่จะมาขอกล่าวคำขอโทษ และผมต้องการที่จะมาขอแก้ไขข่าว การที่ผมไปเข้าใจผิด คุณบอล บางแก้วและครอบครัว โดยที่ผมได้ไปโพสต์ กล่าวหา คุณบอล บางแก้วและครอบครัว ในเรื่องการเสียชีวิตของน้องเบ๊นซ์ลูกสาวของผมอาจเป็นการฆาตกรรมนั้น. ซึ่งทำให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจผิด คุณบอล บางแก้วและครอบครัว เสียชื่อเสียงนั้น โดยสาเหตุที่แท้จริงนั้นคือเป็นเรื่องเคราะห์ร้ายอายุสั้นของน้องเบ๊นซ์ ลูกสาวของผมที่บังเอิญไปเสียชีวิตจากเหตุการณ์ที่บังเอิญเกิดอุบัติเหตุเพลิงไหม้ขึ้นมาครับ แล้วผมก็คิดและเข้าใจผิดไปเอาเองครับว่า เป็นการฆาตกรรม โดยที่แท้จริงนั้น คดีนี้มันเป็นอุบัติเหตุเท่านั้น ไม่ได้เป็นการฆาตกรรมใดๆทั้งสิ้นครับผม
ข้อ2. ผม (ป๊า ของน้องเบ๊นซ์) หวังว่า ทาง คุณ บอล บางแก้วและครอบครัว. จะเข้าใจและยกโทษให้กับผมที่ไปเข้าใจผิด คุณ บอล บางแก้วและครอบครัว โดยที่ทาง คุณ บอล บางแก้วและครอบครัว. ยินดีและยิมยอมที่จะไปดำเนินการ ที่จะถอนคดีฟ้องร้อง ในคดีหมิ่นประมาท. ที่ทาง คุณ บอล บางแก้วและครอบครัว. ได้ยื่นฟ้องต่อศาลไปแล้วด้วยเช่นกันนะครับผม
ข้อ 3. ผมต้องขอโทษต่อเจ้าหน้าที่ทุกๆท่านที่มีส่วนเกี่ยวข้องในคดีด้วยครับเนื่องจากการที่ผมได้โพสต์ ไปว่าการดำเนินคดีความการเสียชีวิตของ น้องเบ๊นซ์ ลูกสาวของผมที่ล่าช้าโดยผ่านมานานเป็นเวลาถึง4ปีแล้วนั้น ผมขอให้ ท่านพ่อแม่พี่น้องเพื่อน ๆ คนไทยทุก ๆ ท่านที่เคารพ ได้โปรดรับทราบว่า เรื่องคดีความที่ล่าช้านั้นเพราะว่าเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม
การเสียชีวิตของ เบ๊นซ์ลูกสาวของผมนั้น บังเอิญมาเสียชีวิตในช่วงที่มีโรคโควิดระบาดหนักมากยาวนานมากถึง 2 ปี เพื่อป้องกันการติดเชื้อ ท่านผู้พิพากษาศาล มีความเป็นห่วงใยต่อประชาชนคนไทยทุกๆคนที่จะต้องเดินทางมาศาล ท่านผู้พิพากษาศาลจึงได้ชลอยืดเวลางดการไตร่สวนคดีความ ออกไปเป็นระยะระยะ ชั่วคราว จนกว่าโรคระบาดโควิคจะหยุดบรรเทาลงไปครับ
แต่เนื่องจากผมเป็นชาวบ้านคนธรรมดา รู้เท่าไม่ถึงการ ไม่ได้มีความรู้ในด้านกฏหมายหรือในด้านคดีความเลยครับ ผมจึงขอกล่าวคำขอโทษเป็นอย่างสูงต่อเจ้าหน้าที่ของกระบวนการยุติธรรมทุกๆท่าน มา ณ ที่ตรงโพสต์นี้ด้วยครับผม ถ้ามีสื่อใดต้องการข่าว ผมยินดีไปให้ข้อเท็จจริงครับ จากคุณพ่อน้องเบ๊นซ์ ครับ"
ต่อมาทางด้าน บอล บางแก้ว ได้โพสต์ข้อความ หลังยอมถอนฟ้องพ่อน้องเบ๊นซ์ พร้อมอโหสิกรรมแม้ถูกตราหน้าเป็นฆาตกรในระยะเวลา 3 ปีกว่า เพราะไม่อยากเป็นตราบาปติดตัวไปตลอดชีวิต โดยระบุข้อความทั้งหมดว่า
"ตลอดระยะเวลา 3 ปี 7 เดือน 12 วัน นับตั้งแต่วันที่เกิดเรื่อง การใช้ชีวิตของผมและความรู้สึกที่อยู่ในใจของผมก็เปลี่ยนไปตลอดกาล ผมถูกสังคม ตราหน้า ว่าเป็น "ฆาตกร" ผมถูกบิดเบือนข้อเท็จจริงต่างๆนาๆ มาโดยตลอด ผมก็ทำได้แค่เงียบ และอดทน ต่อคำด่า คำดูถูก จนวันนึงผมคิดว่าผมควรที่จะออกมาอธิบายบ้าง แต่ด้วยความผมเป็นคนนิ่งผมเลยไม่อยากจะออกมาตอบโต้อะไรมากมาย
แม้ว่าจะมีข่าวล่าสุดเมื่อไม่กี่เดือนก่อนนักข่าวก็ติดต่อผมและครอบครัวมาเพื่อให้ผมตอบโต้ ผมก็เลือกที่จะเงียบใจนึงก็อยากแฉความจริงที่ไม่ได้พูดออกไปแต่ก็เก็บไว้ในใจเลือกที่จะเงียบตามเคย ผมรู้สึกแย่ที่เป็นส่วนนึงที่ทำให้ พี่บาส ไม่ได้ร้องเพลงให้ทุกคนได้ฟังอีกแล้ว "วงบางแก้ว" ต้องมี บาส และ บอล แต่ บอล คือคนที่สังคมตราหน้า มันยากที่ ผมจะกลับมาร้องเพลงกันอีก จริงๆแล้วคำขอโทษสำหรับผม ไม่ได้มีค่าหรือมีความหมายอะไรกับผมอีกต่อไปแล้ว คนเข้าใจผมผิดไปไกลไปนานมากเกินที่จะแก้ไขอะไรได้อีกแล้ว แต่ผมก็เลือกที่จะอโหสิกรรมและถอนฟ้องให้นะครับ
แค่ผมจะเริ่มต้นชีวิตใหม่กับใครสักคนนึงยังยากเลย เค้าจะคิดว่าผมจะโหดร้ายใจร้ายเหมือนในข่าวที่เห็นมั้ย มันเหมือนเป็นตราบาปที่ติดตัวผมไปตลอดชีวิต นี่ล่ะความรู้สึกลึกๆในใจที่ผมอยากพูด"
ขอบคุณ IG : ball_bangkaew
ขอบคุณข้อมูลจาก Tnews