สั่งลงโทษ 1 ใน พยาบาลสาวจัดปาร์ตี้ยกขวดในโรงพยาบาลแล้ว
โดนแล้ว 1 พยาบาลจัดปาร์ตี้ยกขวดเบียร์ดื่มในโรงพยาบาล ล่าสุดสั่งพักงาน-ดำเนินการตามกฎหมายแล้ว ส่วนรายอื่นๆจะทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป
กลายเป็นคลิปฉาวที่ถูกชาวเน็ตวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในโลกออไลน์ จากกรณีพยาบาลจัดปาร์ตี้ในโรงพยาบาล แถมอัดคลิปโพสต์ลง Tiktok มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งเหล้าเบียร์ และยังมีคลิปพยาบาลสาวยกขวดเบียร์ขึ้นดื่มเห็นหน้าและชุดชัดเจน ล่าสุดสภาการพยาบาลได้ออกแถลงการณ์สั่งตรวจสอบลงโทษ 1 ในพยาบาลจัดปาร์ตี้ดังกล่าวแล้ว
โดยคลิปดังกล่าวพยาบาลปาร์ตี้ในโรงพยาบาลนี้มีอยู่ 3 คลิป ซึ่งคลิปแรกเป็นพยาบาลกระดกขวดเบียร์เห็นชุดและหน้าชัดเจน คลิปที่ 2 เห็นพยาบาลกำลังเปิดขวดเหล้าในห้องคล้ายห้องใน รพ. และคลิปที่ 3 เห็นเจ้าหน้าที่และพยาบาลหลายคนปาร์ตี้กินทั้งอาหารและแอลกอฮอล์ในโรงพยาบาล และเต้นกันอย่างสนุกสนาน
ล่าสุดสภาการพยาบาล เคลื่อนไหวโพสต์ประกาศว่า จากกรณีที่มีการเผยแพร่ข้อมูลในสังคมออนไลน์เป็นวิดีโอคลิปและภาพบุคคลที่แต่งกายชุดพยาบาล กำลังดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานที่ทำงานเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2566 นั้น
สภาการพยาบาลได้รับทราบข้อมูลเบื้องต้นแล้วและมอบหมายให้ผู้แทนสภาการพยาบาลประจำจังหวัด ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยเร็วที่สุด ซึ่งสภาการพยาบาลจะดำเนินการแถลงข้อเท็จจริงเพื่อพิทักษ์สิทธิ์แห่งวิชาชีพการพยาบาลและการผดุงครรภ์ต่อไป
ทั้งนี้ในวันที่ 3 มกราคม 2565 มีรายงานว่าโรงพยาบาลเอกชนที่ปรากฏในภาพได้สั่งพักงานพยาบาลที่ปรากฏในคลิปถือขวดเบียร์ ก่อนใช้หลอดดูดจนหมดขวดแล้ว
นายแพทย์ ยุทธนา วรรณโพธิ์กลาง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เผยต่อด้วยว่าสำหรับคลิปอื่นที่ปรากฏพนักงานและเจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลนั่งรับประทานอาหารและมีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยจะเรียกบุคคล พนักงาน เจ้าที่หน้าที่ ของโรงพยาบาลเอกชนที่ปรากฏในคลิปมาสอบสวนต่อไป
เมื่อสอบสวนแล้วพบว่ามีความผิดจริงในการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในสถานพยาบาลจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทางสำนักงานสาสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยาจะดำเนินคดีต่อไป
ส่วนการแต่งกายชุดพยาบาล และมีการประพฤติตนไม่เหมาะสมทางสภาพยาบาลจะเข้ามาดูแลดำเนินการในส่วนนี้
นอกจากนี้ยังมีรายงานอีกว่าพยาบาลที่อยู่ในคลิปรายนี้เพิ่งจะเรียนจบมาได้เพียง 1 ปี แล้วเข้าปฏิบัติงานในโรงพยาบาลเอกชนเป็นครั้งแรก
ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ Tnews