พ่อค้าบะหมี่ชื่อดัง เผยชัดกว่ามีทอง 25 บาท ต้องขายก๋วยเตี๋ยวมากี่ปี

29 สิงหาคม 2567

"เสี่ยเค้ก" พ่อค้าบะหมี่เกี๊ยวชื่อดัง เผยชัดเคล็ดลับกว่าจะเก็บเงินซื้อทอง กว่าจะได้ 25 บาทต้องขายก๋วยเตี๋ยวกี่ปี ใฝ่ฝันอยากใส่ทองเส้นละ 100 บาท

เรียกได้ว่ากลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจอย่างมาก จากกรณีที่เพจ มูลนิธิรณรงค์ ได้โพสต์เล่าเรื่องราวของ "เสี่ยเค้กพ่อค้าบะหมี่ชื่อดัง เจ้าของร้าน "ฮ่องเต้บะหมี่เกี๊ยวปูหมูแดง" หมู่บ้านกฤษดานคร​ ถนนแจ้งวัฒนะ กลายเป็นที่รู้จักเพราะมักจะสวมใส่ทองเส้นใหญ่เท่าโซ่ เต็มคอ​และข้อมือ​ จนกลายเป็นที่สะดุดตา และด้วยความใจดี ก็ได้ติดป้ายที่หน้าร้านไว้ว่า "สตรีมีครรภ์ คนจน คนไร้ที่พึ่งขอกินฟรีได้ตลอด" ได้เข้าปรึกษาทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานมูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม และว่าที่ร้อยตรี รภัสสิทธิ์ ภัทรสิริชัยสิน รองประธานมูลนิธิฯ หลังสวมใส่ทอง​เส้นใหญ่​ และคลิปจะซื้อทอง 100 บาทว่อนโซเชียล

พ่อค้าบะหมี่ชื่อดัง เผยชัดกว่ามีทอง 25 บาท ต้องขายก๋วยเตี๋ยวมากี่ปี

โดย เสี่ยเค้ก หรือ นายรังสรรค์ สุวรรณศร อายุ 57 ปี ยืนยันทองที่ใส่มาจากการขายที่ดินครอบครัว และทำมาหากินเก็บหอมรอมริบ ทั้งยังบอกอีกว่า งงเป็นแค่พ่อค้าริมทางถูกสรรพากรจะมาตรวจสอบเลยหรือ


เสี่ยเค้กบอกกับผู้สื่อข่าวว่า ส่วนตัวแล้วไม่ได้กังวลหากสรรพากรจะมาตรวจสอบ เพราะเงินที่ได้มานั้นได้มาโดยสุจริต แต่ที่เสียใจและนอนไม่หลับ เพราะรู้สึกว่าเพียงเพราะตนขายก๋วยเตี๋ยว มีผิวคล้ำ มีรอยสัก พอใส่ทองเส้นใหญ่​ และมีความฝันว่าจะได้สวมใส่ทองเส้นละ 100 บาท ถึงกับต้องลงพื้นที่มาตรวจสอบกันเลยหรือ ทั้งที่ตนเป็นพ่อค้าริมทาง​ และเกิดข้อสงสัยว่า เจ้าของร้านบะหมี่เกี๊ยวจะใส่ทองคำเส้นละ 10 บาทไม่ได้เลยหรือ 

พ่อค้าบะหมี่ชื่อดัง เผยชัดกว่ามีทอง 25 บาท ต้องขายก๋วยเตี๋ยวมากี่ปี
ทั้งนี้ เสี่ยเค้กยังเปิดใจถึงที่มาที่ไปของทองที่ใส่อยู่ที่คอและข้อมือด้วยว่า​ จุดเริ่มต้นมาจากการขายที่ดินของทางครอบครัว เมื่อ 20 ปีก่อน ตอนนั้นตนได้เงินมาประมาณ 80,000 บาท เพราะเป็นการขายต่อให้กับพี่สาว จึงนำเงินจำนวนนี้ไปซื้อทองเก็บไว้​ และขายบะหมี่มาก่อนหน้านั้น จนกระทั่งขายไปขายมาก็รวบรวมเงินทอง 

จนกลายเป็นตอนนี้ที่ใส่อยู่คือทองคำเส้นละ 10 บาท 2 เส้น และที่ข้อมือ เส้นละ 5 บาท รวม แล้ว 25 บาท มูลค่าตอนนี้ 1​ ล้านบาท​ และใส่แบบนี้มาขายบะหมี่เกี๊ยวทุกวัน และยังบอกอีกว่า กว่าตนเองจะเก็บหอมรอมริบได้ทองเส้นใหญ่ขนาดนี้ ตนขายก๋วยเตี๋ยวมา 32 ปี เป็นคนที่ประหยัดมัธยัสถ์มาก แม้แต่กาแฟยี่ห้อดังก็ไม่กล้ากิน กับข้าวกับปลาก็ทำกินกันเองในครอบครัว กินชามเดียวกับภรรยา​ กำไรที่ได้จากการขายก๋วยเตี๋ยวต่อวัน นำไปหยอดกระปุก อย่างน้อย 1,000 บาท และไม่มีการนำออกมาใช้​ แม้จะใส่ทองเส้นใหญ่ แต่เสื้อและกางเกง ไม่เกิน 200 บาท

 

พ่อค้าบะหมี่ชื่อดัง เผยชัดกว่ามีทอง 25 บาท ต้องขายก๋วยเตี๋ยวมากี่ปี

  ทุกวันนี้ยังขี่รถมอเตอร์ไซค์ ส่งก๋วยเตี๋ยวให้ลูกค้าที่มาสั่งอยู่เลย​ เพราะในชีวิตมีสิ่งเดียวที่ตนปรารถนานั่นคือทองคำ จึงเก็บเงินขวนขวายที่จะซื้อทองคำเส้นใหญ่ๆ มาใส่ เพราะมันทำให้รู้สึกมีกำลังใจมีแรงผลักดันในการทำงานต่อไป​ 


ส่วนประเด็นที่บอกว่า ตนกำลังเตรียมเงินเพื่อไปซื้อทอง 100 บาทนั้น ก็ยอมรับว่าได้เข้าไปในร้านทองแห่งหนึ่ง เพื่อไปเปลี่ยนลายทองที่ข้อมือ ปรากฏว่าพอเข้าไปในร้าน ก็เห็นทองเส้นละ 100 บาท เส้นใหญ่สวยงามมาก มีความตั้งใจว่าต่อไปจะต้องเก็บเงินเพิ่มเพื่อซื้อทอง ให้ครบ 100 บาท 


ซึ่งตอนนี้มีแล้ว 25 บาท ก็เหลืออีก 75 บาท นี่ก็คือความใฝ่ฝันของตัวเอง​ ขณะที่ในวันนั้นแม่ค้าก็เห็นว่าตนใส่ทองเส้นใหญ่เข้าไปในร้าน ก็เลยให้ตนลองสวมทองเส้นละ 100 บาท เพื่อทำคอนเทนต์โปรโมตร้าน แล้วก็โปรโมตตัวเองด้วย ยืนยันว่าตอนนี้ยังไม่มีเงินซื้อทอง 100 บาท เป็นเพียงความฝันเท่านั้น 

พ่อค้าบะหมี่ชื่อดัง เผยชัดกว่ามีทอง 25 บาท ต้องขายก๋วยเตี๋ยวมากี่ปี

 


และได้นำเรื่องนี้ไปปรึกษากับ นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ถึงกรณีการค้าขายบะหมี่ และมีเงินซื้อทอง รวมแล้ว 25 บาท​ ซึ่งเมื่อทนายรณรงค์ได้ฟังข้อมูลจากเสี่ยเค้กแล้ว ก็บอกว่า ไม่น่ากังวลอะไรเพราะกำไรจากการขายบะหมี่เกี๊ยวต่อวัน อยู่ที่ประมาณวันละ 2,000 กว่าบาท หรือบางวันก็ขาดทุนด้วยซ้ำ หากคำนวณจากรายได้แล้วน่าจะไม่เกิน 1 ล้าน 8 แสนบาทต่อปี 

 


ตนเห็นเสี่ยเค้กขายก๋วยเตี๋ยวมาตั้งแต่ตัวเองยังเด็ก เดินผ่านร้านก๋วยเตี๋ยวของเสี่ยเค้กทุกวัน และยังรู้ด้วยว่าเสี่ยเค้กเป็นคนที่ประหยัดมาก รู้สึกไม่แปลกใจอะไรที่เสี่ยเค้กจะสวมใส่ทองเส้นละ 10 บาท 2 เส้น บนคอจนดูเหลืองอร่าม​ ซึ่งเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เสียเค้กนำออกมาโชว์​ 

 


นอกนั้นก็เห็นว่าแกขับรถธรรมดาแต่งตัวธรรมดา ใช้ชีวิตประจำวันเป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่หรูหราอะไร ซึ่งเรื่องนี้หากสรรพากรลงพื้นที่มาตรวจสอบ ก็ต้องให้เขาตรวจสอบไปตามกระบวนการ ไม่ใช่เรื่องน่ากังวล และไม่ใช่เรื่องที่จะบอกว่า "งานเข้า" ตามที่สื่อบางสื่อลงไป 

ขอบคุณภาพจาก มูลนิธิรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม - CRSJ Foundation