คืบหน้าประเด็น "ครูเบญชื่อหาย" จากกรณีที่ก่อนหน้านี้ มีการนำเสนอข่าว น.ส.เบญญาภา หรือ ครูเบญ อายุ 24 ปี สอบบรรจุพนักงานราชการตำแหน่งครู ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) สระแก้ว ได้อันดับ 1 แต่ผ่านไป 3 วัน ชื่อกลับหายไป ต่อมามีการตั้งกรรมการสอบสวน แล้วพบว่าเป็นการประกาศผลผิดพลาด
ล่าสุดเมื่อวันที่ 28 ก.ย. 2567 นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ปฏิบัติหน้าที่โฆษกกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยถึงการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรงกรณี นายประยงค์ สารภูมิ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาจังหวัดสระแก้ว (ผอ.สพม.สระแก้ว) ถูกกล่าวหาว่ามีความผิดในการดำเนินการประกาศรายชื่อผู้ผ่านการสรรหาและเลือกสรรพนักงานราชการทั่วไป ตำแหน่งครูผู้สอน ซึ่งพบว่ามีความผิดพลาดและก่อให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการ อีกทั้งยังกระทบต่อภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) โดยตรง
ศธ. แสดงความชัดเจนในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ด้วยการจัดตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ผอ.สพม.สระแก้ว เพื่อให้กระบวนการสอบสวนเป็นไปอย่างละเอียดและโปร่งใส ทั้งนี้ ศธ. ได้สั่งให้พักราชการ ผอ.สพม.สระแก้ว เป็นการชั่วคราว จนกว่าผลสอบสวนจะเสร็จสิ้น ซึ่งเป็นมาตรการในการป้องกันการแทรกแซงหรือส่งผลกระทบต่อการสอบสวน เพื่อสร้างความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย
ขณะเดียวกัน พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ ยังได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงที่ประกอบด้วยตำรวจ อัยการ และเจ้าหน้าที่ ศธ. ส่วนกลาง ทำงานอีกชุดหนึ่งด้วย พร้อมส่งหลักฐานทุกอย่างให้กองพิสูจน์หลักฐาน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อตรวจสอบความชัดเจน และยืนยันว่าไม่มีการแก้ไขหรือดัดแปลงหลักฐาน
โฆษก ศธ. ยังกล่าวอีกว่า การทำงานของคณะกรรมการสอบสวนของ ศธ.จะไม่ซ้ำซ้อนกับหน่วยงานภายนอกที่ร่วมสอบสวน แต่เป็นการทำงานคู่ขนานเพื่อเร่งหาข้อเท็จจริง ซึ่งจะไม่ล่าช้าแน่นอน ทั้งนี้ พร้อมแสดงข้อเท็จจริงให้สังคมได้รับทราบในทุกขั้นตอน เพื่อไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก พร้อมย้ำว่า กระบวนการตรวจสอบครั้งนี้เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นในระบบการศึกษา และคลายข้อสงสัยทุกประเด็นต่อสังคม