จากเหตุระทึกเมื่อคืนที่ผ่านมา (3 ต.ค.67) คนร้ายแต่งกายชุดลายพราง สวมเสื้อเกาะ พร้อมอาวุธปืน บุกเข้าไปในบ้านพักแห่งหนึ่งในซอยอินทามระ 29 แยก 1 ซึ่งในบ้านมีคนพักอาศัยอยู่ 3 คน เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลาประมาณ 19.00 น. ต่อมาทราบคนร้ายเป็นอดีตนักมวย ชื่อนายสันติ เจ๊ะอะหลี อายุ 38 ปี
ซึ่งมีหมายจับของศาลอาญาในความผิดฐานลักทรัพย์ , บุกรุกในเวลากลางคืน ในท้องที่ของ สน.เตาปูน เบื้องต้นตำรวจได้ทำการจะจับกุมตามหมายจับ แต่ผู้ต้องหาขัดขืนและยิงสกัดต่อสู้จนหลบหนีมาในบ้านพักหลังดังกล่าว โดยในบ้านมีผู้หญิง 1 คน และผู้ชายอีก 2 คน
จากภาพจากกล้องวงจรปิดจะเห็นได้ว่า ผู้ต้องหาได้มีการพยายามปีนกำแพงเข้าไปหลบหนีในบ้าน และเมื่อเข้าไปในบ้านก็ไม่ได้มีเจตนาหรือมีความต้องการที่จะจับคนในบ้านเป็นตัวประกันแต่อย่างใด ขณะที่ทางด้านเฮียตี๋ ซึ่งเป็นอดีตนายจ้างของผู้ต้องหาให้เปิดใจกับทีมข่าวว่า ผู้ต้องหาเคยเป็นนักมวย ใช้ชื่อในวงการว่าฤทธิเดชใหม่เมืองคอน แต่พอเลิกชกมวยตนก็ได้ว่าจ้างให้มาเป็นครูฝึกสอนที่ค่ายมวยของตนย่านอินทามระ แต่ก็อยู่ด้วยกันเพียงแค่ 4 เดือนเท่านั้น
ตลอดระยะเวลาที่อยู่ด้วยกัน ผู้ต้องหาไม่เคยมีพฤติกรรมความรุนแรงให้เห็นแต่อย่างใด แต่ที่อยู่ด้วยกันไม่ได้เป็นเพราะเพราะผู้ต้องหามีพฤติกรรมชอบลักทรัพย์ มีหลายครั้งที่ขอใช้ส่วนตัวของนักมวยในค่ายหายไป และผู้ต้องหามีพฤติกรรม เสพยาบ้าเป็นประจำ จนทำให้ตนต้องไล่ออกๆไป
หลังเกิดเหตุ พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันเพ็ชร์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ในพื้นที่ตำรวจนครบาล และหน่วยอรินทราชติดอาวุธครบมือ ได้เข้ามาร่วมกันระงับเหตุ
กระทั่งเวลาประมาณ 00.30 น. พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันเพ็ชร์ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า เบื้องต้นตำรวจสามารถช่วยเหลือ ผู้ที่อยู่ในบ้านได้ทั้ง 2 คน โดยทั้งคู่อาการปลอดภัย จากการตรวจสอบพบเป็นชายสองคนอาชีพนายแพทย์ อายุ 30 และ 31 ปี ซึ่งทั้งสองคนเป็นพี่น้องกัน ส่วนคนที่อยู่ในบ้านซึ่งเป็นผู้หญิงอีก 1 คนนั้น ทราบว่าได้หนีออกมาตั้งแต่ช่วงแรกที่เกิดเหตุแล้ว ส่วนผู้ต้องหาพบว่าหลบหนีไปได้ผ่านทางช่องระบายอากาศ ก่อนจะปีนออกไปที่บริเวณด้านหลังของบ้าน ซึ่งขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างติดตามไล่ล่าเส้นทางการหลบหนียืนยัน ว่าฝ่ายสืบสวนมียุทธวิธีในการติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดี จากที่สังเกตการณ์พบ ผู้ต้องหาไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายใครต้องการเพียงแค่จะหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน. เตาปูนเพียงเท่านั้น
ขณะที่ในเวลาไล่เลี่ยกัน พบว่าภรรยาของ นายสันติ ได้ใช้อาวุธข่มขู่ว่าจะทำร้ายตัวเอง หลังเกิดภาวะเครียดจากการที่สามี ถูกเจ้าหน้าที่ปิดล้อมจับกุม โดยเหตุดังกล่าวอยู่ที่อาคารร้างแห่งหนึ่ง บริเวณแยกสุทธิสาร ริมถนนวิภาวดี ซึ่งอยู่ห่างจากจุดที่ นายสันติ ถูกปิดล้อมไม่ไกลมากนัก หลังจากใช้เวลาเกลี้ยกล่อมกว่า 2 ชั่วโมง พบว่าภรรยาผู้ต้องหาได้ยินยอมพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ แต่ได้ใช้อาวุธพยายามขู่ทำร้ายตัวเองพร้อมขึ้นรถไปกับตำรวจ 1 นาย ก่อนที่ตำรวจคนดังกล่าวจะขับรถออกจากจุดเกิดเหตุไปพร้อมกับภรรยานายสันติ โดยมีรายงานว่ารถคันดังกล่าวขับมุ่งหน้าไปทางจังหวัดนครนายก
จนเมื่อเวลา 05.50 น. เมียนายสันติยอมวางอาวุธปืนและเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเมียนายสันตินั้นยังมีอาการร้องไห้ฟูมฟายไม่ได้สติ อดีตนายจ้างนายสันติจึงต้องพูดคุยเพื่อปลอบ โดยพบว่า เมียนายสันตินั้นมีบาดแผลที่ส้นเท้าซ้ายจากการถูกเศษแก้วบาดตั้งแต่ตึกร้างแยกสุทธิสารเมื่อคืน โดยได้มีการประสานรถพยาบาลจากโรงพยาบาลตำรวจมารับตัวเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ
ทราบภายหลังว่า เมียนายสันติชื่อว่า น.ส.พจนีย์ ยังไม่ทราบอายุ โดยหลังจากนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปิดกั้นพื้นที่ เพื่อให้พิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบหาอาวุธปืนและร่องรอยที่หลักฐานในพื้นที่เกิดเหตุต่อไป