สะเทือนวงการ พยานปากเอกแฉข้อมูลลับ "ดิไอคอน" เซ่นไหว้ เทวดาบิ๊กดีเอสไอ

16 ตุลาคม 2567

สะเทือนวงการ ทนายตั้ม- สายไหมต้องรอด เผยข้อมูลพยานปากเอกดิไอคอนกรุ๊ป แฉข้อมูลลับ ปมจ่ายสินบน บิ๊กดีเอสไอ ดูแลคุ้มครองเกี่ยวกับแชร์ลูกโซ่โดยตรง เซ่นไหว้ เทวดาบิ๊กดีเอสไอ

 วันที่ 16 ต.ค.67  คืบหน้า คดีดิไอคอนกรุ๊ป ล่าสุดที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด พร้อมด้วย นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้พาพยานสำคัญที่รู้เห็นการจ่ายสินบนให้แก่เจ้าหน้าที่ DSI ระดับสูง เข้าพบนายยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อให้ข้อมูลลับ

สะเทือนวงการ พยานปากเอกแฉข้อมูลลับ \"ดิไอคอน\" เซ่นไหว้ เทวดาบิ๊กดีเอสไอ

โดยทางด้านนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ เปิดเผยว่าช่วงที่เทวดาเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทดิไอคอน คือช่วงปี 2563 เทวดาได้มีการฝากฝัง “บุคคลคนหนึ่ง” ให้เข้ามาอยู่ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษโดยให้มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบหน่วยงานที่เกี่ยวกับแชร์ลูกโซ่โดยตรง ซึ่งเรื่องนี้มีมูลความจริงในปีนั้นมีการฝาก และระบุเฉพาะเจาะจงว่าจะต้องเป็นเจ้าหน้าที่คนนี้มาดูแลหน้าที่ตรงนี้

ซึ่งคอยดูแลคุ้มครองเกี่ยวกับเรื่องแชร์ลูกโซ่โดยตรงโดยจะมีการนำเครื่องเซ่นไหว้มาถวายให้ ซึ่งสายลับ อาจจะเคยเป็นผู้ประสานเพื่อที่จะนำเครื่องเซ่นไหว้มาให้กับเทวดาที่ดีเอสไอ เพราะว่าสายลับคนดังกล่าวรู้เบื้องลึกเบื้องหลังรู้ขั้นตอนรวมถึงรู้ว่าจะต้องไปเบิกเงินถอนเงินเป็นนามสกุลอะไร พร้อมบอกว่าเทวดาที่ดีเอสไอเป็นระดับผู้บริหารแน่นอนว่าจะต้องมีลูกน้องที่ตามมาอยู่ด้วย 

เมื่อถามว่าบุคคลที่อยู่ในคลิปเสียงที่มีการหลุดออกมานั้นจะเชื่อมโยงกับเทวดาหรือไม่ นายเอกภพ ระบุว่า บุคคลในคลิปเสียงเป็นเพียงแค่ลูกกรอกของเทวดาไม่ใช่เทวดาตัวจริงถ้ามีการเปิดเผยตัวจริงของเทวดาออกมาหลายคนน่าจะตกใจ


เมื่อถามว่าเป็นระดับรัฐมนตรีหรือไม่ นายเอกภพบอกว่ารัฐมนตรีอาจจะเป็นลูกน้องก็ได้ ข้าราชการที่หน่วยงานนี้รู้แก่ใจว่าเทวดาฝากมาจริงไหมแต่อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษคนปัจจุบันยังไม่รู้เรื่องเนื่องจากเป็นรองอธิบดีและอยู่ที่กรมอื่น โดยที่จะต้องให้ความเป็นธรรมกับท่านอธิบดีคนปัจจุบันด้วย

สะเทือนวงการ พยานปากเอกแฉข้อมูลลับ \"ดิไอคอน\" เซ่นไหว้ เทวดาบิ๊กดีเอสไอ

และที่สายลับบอกว่ามีการเซ่นไหว้ให้ 4 หน่วยงานเมื่อวานที่ปรากฏมานี้ถ้ารู้ว่าใครเป็นหน้าเสื่อในการดูแลทุกคนจะต้องตกใจ แล้วตนเองกับทนายตั้มยืนยันว่าจะเดินทางยื่นหนังสือกับอีก 3 หน่วยงานที่ถูกกล่าวอ้างว่ารับเครื่องเซ่นไหว้ ถ้าหากไปแล้วไม่มีใครออกมารับหนังสือก็จะฝากหนังสือไว้กับศาลพระภูมิหรือรปภ.

 

ก่อนหน้านี้ บอสพอล ออกมาพูดว่าไม่รู้ว่าตนเองกำลังสู้อยู่กับอะไร นายเอกภพ ระบุว่าบอสพอลอาจจะสู้อยู่กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คลิปที่หลุดออกมาอาจจะเป็นการพยายามสื่อไปถึงเทวดาว่าจะต้องปกป้องคุ้มครองบอสพอล เพราะถ้าหากไม่ปกป้องบอสพอลก็จะพาทุกคนไปตายด้วยกันทั้งหมด จึงอยากเรียกร้องให้บอสพอลออกมาเปิดเผยข้อมูลหากกลัวตายก็ให้ประสานมาที่นายเอกภพหรือทนายตั้มยืนยันว่าก็จะปลอดภัยส่วนทรัพย์สินต่างๆให้นำไปขายคืนกับผู้เสียหาย

ด้านทนายตั้ม ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวละคร “ธ” ในวันนี้ไม่อยากที่จะเปิดเผยข้อมูลเนื่องจากกลัวเจ้าตัวจะไหวตัวทัน แต่ได้บอกว่าบุคคลคนนี้เป็นเหมือนเกจิอาจารย์ของบอสพอล เคยติดต่อมาหาทนายตั้มตั้งแต่ปี 61 ก็ได้มีการติดต่อมาหาทนายตั้มไปทำธุรกิจร่วมลงทุน แต่ทนายตั้มได้ปฏิเสธไปและมั่นใจว่าไม่เคยเจอแต่น่าจะเคยคุยโทรศัพท์และเชื่อว่าบุคคลดังกล่าวตนรู้จักเป็นอย่างดี

 

ส่วนกรณีที่ “” ได้มีการออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจของบอสพอล ทนายตั้มย้ำว่าพรุ่งนี้ก็จะได้รู้ เพราะจะงัดหลักฐานเด็ดมาให้ได้ดูกัน /พร้อมบอกว่าขอขอบคุณปปง. ที่มีการยึดทรัพย์ของบอสพอล และเหล่าบอส เชื่อว่าน่าจะเป็นจากการกดดันที่ตัวเอง และเพื่อนทนายรวมไปถึงนายเอกภพสายไหมต้องรอดออกมาเรียกร้องให้ปปง.มีการยึดทรัพย์ก่อนที่จะประชุมวันที่ 17 ตุลาคม  2567 เพราะถ้าหากไม่มีการฟรีซทรัพย์สินไว้ ก็อาจจะมีการถ่ายโอนทรัพย์สินไปที่อื่นแต่ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงแค่เงินสด ที่มีมูลค่าหลักร้อยล้านแต่ก็ยังมีที่ดินอีกเชื่อว่าถ้ายึดมาได้จะมีมูลค่าเป็นหลัก 1 พันล้าน

สะเทือนวงการ พยานปากเอกแฉข้อมูลลับ \"ดิไอคอน\" เซ่นไหว้ เทวดาบิ๊กดีเอสไอ
 
เมื่อถามว่าทำไมถึงมีการยึดทรัพย์สินเพียงแค่ 3 บุคคลทนายตั้มให้ข้อมูลว่าในการยึดครั้งนี้จะยึดเฉพาะตัวการที่สำคัญก่อนหลังจากนี้ก็จะมีการขยายผล และก็จะมีการอายัดเพิ่มเติม และเมื่อถามอีกว่าทำไมถึงยึดเพียงแค่ 90 วันทนายตั้มระบุว่าเป็นเพียงแค่การป้องกันการถ่ายโอนทรัพย์สินเท่านั้นหลังจากนี้ถ้าหากพบว่ามีความผิดก็จะสามารถยึดทรัพย์สินไว้ได้จนจบคดี

และในช่วงบ่ายนี้ทางทนายตั้มจะมีการไปยื่นหนังสือที่พรรคพลังประชารัฐ ถึงผู้บริหารพรรคมีซึ่งมีการประสานไปแล้วปรากฎว่าทางพรรคแจ้งกลับมาว่าไม่มีใครอยู่ที่พรรคตนเองก็ยืนยันว่าจะไปยื่นหนังสือเหมือนเดิมถ้าหากไม่มีใครออกมารับก็จะยื่นไว้กับรปภ.