จากกรณีกรณี "เชื่อมจิต" ยื่นคำร้องให้ "โหนกระแส" และ "หนุ่ม กรรชัย" ลบคลิปในรายการ โดยพิเคราะห์พยานหลักฐานของผู้ร้องและผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองการเสนอข่าว เกี่ยวกับผู้ร้อง เกิดจากการเผยแพร่ตัดต่อภาพของผู้ร้องเป็นพระพุทธเจ้า โดยรัฐมนตรีสั่งให้สานักงานพระพุทธศาสนาจับตาดูพฤติกรรม เนื่องจาก ได้รับภาพตัดต่อใบหน้าผู้ร้องใส่ในรูปพระพุทธเจ้ามีการยื่นหนังสือร้องเรียนต่อกองบัญชาการกองปราบปราม ร้องทุกข์กล่าวโทษ และเป็นประเด็นที่ในความสนใจของประชาชนจานวนมาก
จึงเสนอข้อมูลและข้อเท็จจริงต่างๆโดยเชิญนักวิชาการและบุคคลต่างๆเข้าร่วมพูดคุยในรายการ ซึ่งเป็นแสดงความคิดเห็นตามหลักวิชาการและหลักปัจเจกชน
แม้จะพาดหัวข่าวว่า “ดราม่าเดือด ก้มกราบเด็กแปดขวบอ้างตนเป็นพระพุทธเจ้าสอนธรรมะ “ แต่เมื่อผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองนำเสนอภาพผู้ร้องโดยปิดบังใบหน้าของผู้ร้อง อีกทั้งไม่ได้ปรากฏว่ามีการระบุชื่อผู้ร้องในการพาดหัวข่าว ผู้ร้องอ้างเพียง นางนัฐพร เห็นข้อความพาดหัวข่าวตามคำร้องแล้วได้แจ้งให้ผู้ประสานงานของผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองลบเทปบันทึกภาพ
แต่ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองไม่ลบและยังเผยแพร่ภาพตามคาร้องก็ตามเมื่อพิจารณาตามภาพข่าวและรายละเอียด เนื้อหาข่าวโดยรวมที่ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองเผยแพร่ ประกอบกับพยานหลักฐานแหล่งที่มาของข่าวแล้ว
เห็นว่า การเผยแพร่ข่าวของผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองเป็นการนาเสนอข่าวตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในสังคม ซึ่งเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์และเป็นที่สนใจของประชาชน ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองนำเสนอข่าวในลักษณะของการเชิญบุคคลต่างๆเข้าร่วมพูดคุยและแสดงความคิดเห็นในรายการโหนกระแส โดยที่ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองไม่ได้ยืนยันข้อเท็จจริงว่าผู้ร้องเป็นพระพุทธเจ้ากับชาติมาเกิด
และแม้ว่าผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองนำเสนอข่าวเกี่ยวกับผู้ร้องอีกหลายครั้งตามพยานวัตถุ วร.๒ ก็ตามก็เป็นการนำเสนอข่าวไปตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและเป็นที่สนใจของประชาชน
ส่วนที่ผู้ร้องนำสืบว่าผู้เข้าร่วมรายการกล่าวว่า ผู้ร้องอ้างตนเป็นพระศาสดาของพระพุทธเจ้านั้น เมื่อพิจารณาตามข้อความ ร.๑๙ แผ่นที่ ๑๔ และพยานวัตถุ วร.๒ แล้วปรากฏว่าบุคคลดังกล่าวเพียงแต่เล่าในรายการว่าบุคคลที่บรรลุนิติภาวะ
อ้างตนเป็นศาสดาของพระพุทธเจ้าเท่านั้นโดย ไม่มีข้อความใดที่สามารถระบุ หรือยืนยันได้ว่า หมายถึงผู้ร้อง อีกทั้งการกระทาดังกล่าวไม่ใช่การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาทั้งสอง
และในส่วนที่ผู้ร้องนำสืบว่า ผู้ถูกกล่าวหานาเสนอข่าวผู้ร้องในวันที่ 18 ธันวาคม 2566 ทำให้มีบุคคลมาแสดงความคิดเห็น
ต่อว่า ผู้ร้องจานวนมาก ตาม เอกสาร ร.๙ ก็เป็นการแสดงความคิดเห็นของบุคคลต่างๆมิใช่การกระทาของผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองเมื่อพิจารณารายละเอียดของเนื้อหาข่าวโดยรวม แหล่งที่มาของข่าว และลักษณะพฤติการณ์การนำเสนอข่าวของผู้ถูกกล่าวหาทั้งสอง ไม่อาจบ่งชี้ถึงเจตนาของผู้ถูกกล่าวหา ทั้งสองได้ว่า ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองนำเสนอข้อมูลของผู้ร้อง โดย
มีเจตนาเพื่อที่จะทำให้เกิดความเสียหายแก่จิตใจ ชื่อเสียง เกียรติคุณ หรือสิทธิประโยชน์อื่นใดของผู้ร้อง หรือเพื่อแสวงหาประโยชน์สำหรับตนเอง
หรือผู้อื่นโดยมิชอบไม่อาจถือได้ว่าการกระทำของผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองเป็นการปฏิบัติต่อเด็กโดยมิชอบด้วยกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองเด็ก กรณีไม่จำต้องออกคำสั่งคุ้มครองสวัสดิภาพตามคำร้องจึงมีคำสั่งให้ยกคำร้องของผู้ร้อง